หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

หัวหิน [ Hua Hia ]

ประวัติความเป็นมา
หัวหิน เป็นอำเภอที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดิมมีชื่อว่า "บ้านสมอเรียง" หรือ "บ้านแหลมหิน" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้ทรงสร้างวังไกลกังวลเพื่อประทับพักผ่อนในฤดูร้อน และปัจจุบันวังไกลกังวลนั้นเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ทุกวันนี้หัวหินมีชื่อเสียงจากการเป็นสถานที่ตากอากาศที่สามารถเที่ยวได้ใน 1 วันและอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียง 281 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2.5-3 ชั่วโมงหากโดยสารทางรถ หรือ 45 นาทีหากเดินทางโดยเครื่องบิน

การเดินทางไปหัวหิน จาก กรุงเทพฯ
- รถยนต์ :: จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางแรก ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงครามแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี เข้าสู่ตัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 280 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เส้นทางที่สอง ใช้เส้นทางสายเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านพุทธมณฑล นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เข้าสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทางประมาณ 320กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง

- รถไฟ :: จากสถานีรถไฟหัวลำโพงมีบริการขบวนรถไฟสายใต้ผ่านหัวหิน ปราณบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ทุกวัน รถไฟท้องถิ่นมีขบวนรถกรุงเทพฯ-หัวหิน ออกจากกรุงเทพฯ 09.25 น. ถึงหัวหิน 13.45 น. และวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ มีขบวนรถนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์แบบเช้าไปเย็นกลับ หรือ จากสถานีรถไฟธนบุรี มีขบวนรถไฟธนบุรี-หลังสวน ออกเวลา 07.20 น. ถึงหัวหิน 11.52 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย


ลักษณะของการท่องเที่ยว (หัวหิน)
ส่วนใหญ่การท่องเที่ยวของอำเภอหัวหินเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล คือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบในแหล่งธรรมชาติทางทะเล เพื่อให้เกิดจิตสำนึกต่อการรักษา ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน และยังมีการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม เช่น เพลินวาน ...

ที่พัก ::

ที่พักมีให้เลือกอย่างหลากหลาย มีทั้งเกสเฮาส์
รีสอร์ท โรงแรม และอีกมากมาย

สถานที่ท่องเที่ยว (หัวหิน) ที่ได้เดินทางไป
หัวหิน มีสถานที่พักผ่อนในบรรยากาศตามแบบนักท่องเที่ยวต้องการ โรงแรม ที่พัก หัวหิน หรือแบบบ้านพักตากอากาศ หัวหิน และ ที่พัก หัวหิน ราคาถูก ติดชายหาด ก็มีให้คุณได้มาสัมผัส และพักผ่อน ในวันหยุด ที่แสนวิเศษของคุณ

เพลินวาน
จะย้อนความทรงจำยุคไปสมัยของวันวาน 2499 เพลินวาน” ให้คำจำกัดความตัวเองว่า เป็นหมู่บ้านย้อนยุค ภายในประกอบไปด้วย ร้านค้าย่อยๆหลายร้าน ทั้งร้านกาแฟโบราณ รถขายปลาหมึก ห้องเสื้อย้อนยุค ร้านขายของเล่น ร้านเหล้าสมัยอดีต มุมงานวัด ปาเป้า ยิงปืน ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในหนัง 2499 ประมาณนั้น ยิ่งได้เห็น staff และนักท่องเที่ยวหลายท่าน แต่ตัวย้อนยุค มาเที่ยวที่นี่กันด้วย ยิ่งแยกไม่ออกแล้ว ว่าเราอยู่ยุคไหนกันแน่ เข้ามาเหมือนหลุดมาอีกโลกหนึ่ง


เขาตะเกียบ
ชายหาด เขาตะเกียบ - เป็นชายหาดที่มีความงดงามไม่แพ้กับชายหาด หัวหิน ชายหาดมีความยาวเป็นระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร เพราะเป็นชายหาดที่ค่อนข้างสงบ จึงยังมีน้ำทะเลที่ใสสะอาด และหาดทรายขาวบริสุทธิ์ วัดเขาตะเกียบ - วัดเขาตะเกียบ ตั้งอยู่บนเขาตะเกียบ เป็นวัดที่สวยงาม ทั้งยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ท่านได้สักการบูชาอีกด้วย และพร้อมอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่จอดรถ บนวัดเขาตะเกียบยังมีจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นชายหาด หัวหิน และตัวเมือง หัวหิน

บทที่11 องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

A.)องค์กร ท่องเที่ยวโลก เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อตามวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว นานาชาติในระดับระหว่างรัฐบาลโดยจัดตั้งเป็นองค์การที่มีชื่อว่าWorld Tourism Organization: WTO
องค์กรการท่องเที่ยวโลกจัดชึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้
1.เพื่อ ส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างความเข้าใจระหว่างประเทศ สันติภาพ ความมั่งคั่ง โดยเคารพหลักสากลในด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนทั่วโลก โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และเพศ
2.เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์การ จึงให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อ ประโยชน์ของประเทศที่กำลังพัฒนาในด้านการท่องเที่ยว
3.เพื่อ ดำเนินการตามบทบาทด้านการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ องค์การจึงสร้าง และธำรงไว้ในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับองค์การสหประชาชาติ ตลอดจนทบวงการชำนัญพิเศษขององค์การ สหประชาชาติ โดยองค์การจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

b)องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICOA)
มี สำนักงานใหญ่อยู่ที่นครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เป็นองค์การที่จัดตั้งขึ้นในปี 2487 (ค.ศ.1944) ปัจจุบันมีสมาชิก 188 ประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายขององค์การ คือ ส่งเสริมการบินพลเรือนให้กว้างขวางไปทั่วโลก
องค์การ นี้มีสำนักงานสาขาประจำภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิกในประเทศไทยโดยตั้งอยู่บน ถนนวิภาวดีรังสิต (ติดกับสวนจตุจักร) ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
องค์กรระดับภูมิภาคที่ดำเนินการโดยภาครัฐ
องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development-OECD)
ก่อ ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1960 ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส องค์กรนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกล่าว คือ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการท่องเที่ยวขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวประสาน งานการศึกษาทางด้านการท่องเที่ยวและเป็นผู้ดำเนิน การจัดประชุมประเทศสมาชิก เพื่อปรับปรุงวิธีการทางสถิติของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราและระบบบัญชี องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนายังได้จัดทำรายงานประจำปีที่ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ภายใต้ชื่อว่า “Tourism Policy and International Tourism in OECD MemberCountries”

c)องค์กรระดับอนุภูมิภาคที่ดำเนินการโดยภาครัฐ
คณะอนุกรรมการด้านการท่องเที่ยวภายใต้คณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการท่องเที่ยวอาเซียน (Sub-Committee on Tourism of the Committee on Trade and Tourism)
วัตถุ ประสงค์ในการดำเนินงานคือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมให้มีความร่วมมือกันอย่างจริงจังระหว่างหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาค เอกชนที่เกี่ยวข้องในกิจการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจนำเที่ยว เป็นต้น





องค์กรระดับโลกที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน
World Travel and Tourism Council: WTCC
สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก

สมาชิก ของสภาจะเป็นองค์การที่ได้รับการเชิญให้เป็นสมาชิกเท่านั้น โดยการพิจารณาให้เป็นสมาชิกดูที่ว่าเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ รวมทั้งเป็นองค์การที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก หรือระดับภูมิภาคหรือไม่ เช่น สายการบิน โรงแรม ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจนำเที่ยว หรือธุรกิจให้เช่ารถ เป็นต้น
สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกมีพันธกิจในการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ดังนี้
1.การดำเนินงานตามวาระการประชุม การ สร้างความตระหนักถึงผลกระทบถึงการเดินทางและการท่องเที่ยว และชักชวนรัฐบาลให้คำนึงถึงความสำคัญของการสร้างงานและยกระดับเศรษฐกิจของ ประเทศด้วยการเดินทางและการท่องเที่ยว
2.การเป็นผู้อำนวยความสะดวก การช่วยให้ผู้มีส่วนร่วมเข้าใจ คาดหวัง แปลความหมาย และดำเนินงานการพัฒนาภูมิหลักของโลก
3.การ สร้างเครือข่ายสภา สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลกเป็นสภาของผู้นำทางธุรกิจที่ผู้มีส่วน เกี่ยวข้องกับธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยวอยากเข้ามามีส่วนร่วม


สมาคมส่งเสริมการประชุมระหว่างประเทศ
สมาคมส่งเสริมการประชุมระหว่างประเทศ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการระหว่างประเทศ และ เป็นตัวกลางในการอำนวยความสะดวกในการจัดบริการด้านที่พัก การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการประชุมและการจัดนิทรรศการ
องค์กรระดับภูมิภาคที่ดำเนินการโดยภาคเอกชน
The Pacific Asia Travel Association: PATA

มีวัตถุประสงค์การดำเนินงานเพื่อกระตุ้นความสนใจให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นดินแดนเพื่อการพักผ่อน เพื่อ พัฒนา ส่งเสริม และอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 3 ของโลก และให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาการท่องเที่ยวในภูมิภาคแปซิฟิก
วัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานของสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่
1. เป็นสื่อกลางแห่งความร่วมมือระหว่างประเทศ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
2. การให้ความช่วยเหลือด้านการส่งเสริม และการพัฒนาแก่ประเทศสมาชิก และช่วยหาแหล่งเงินทุนสำหรับโครงการที่เกี่ยวกับที่พัก และการพักผ่อนหย่อนใจ
3. การประสานงานระหกว่างสมาชิกทั้งมวลกับวงการอุตสาหกรรมขนส่ง และธุรกิจการท่องเที่ยว
4. การดำเนินการโฆษณา ส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นที่รู้จักกว้างขวางในฐานะที่เป็นภูมิภาค ที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวพักผ่อนแห่งหนึ่งของโลก
5. การส่งเสริมให้มีการบริการ และการอำนวยความสะดวกในด้านการขนส่งทั้งที่เข้ามา และภายในภูมิภาคแปซิฟิกให้พอเพียง
6. การดำเนินการด้านสถิติ และค้นคว้าวิจัยแนวโน้มของการเดินทางท่องเที่ยว และการพิจารณาของการท่องเที่ยว เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกทั้งมวล



สมาคมท่องเที่ยวอาเซียน

เป็นการรวมตัวของสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม และสายการบินแห่งชาติอาเซียน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. เพื่อรวมให้สมาชิกมีจุดมุ่งหมายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการประสานความร่วมมือ มิตรภาพ ตลอดจนความช่วยเหลือต่อกัน
2. เพื่อรักษาระดับของมาตรฐานการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยว
3. รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและคุณธรรมของธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อคงไว้ซึ่งงานอาชีพแขนงหนึ่ง
4. สนับสนุนและคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพระหว่างกลุ่มประเทศอาเซียน
5. กระตุ้น สนับสนุน และช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวภายในภูมิภาคอาเซียน
6. ประสานงานและให้คำแนะนำแก่สมาคม หน่วยงานของรัฐ เอกชน และองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกหรือเกี่ยวข้องในวงการธุรกิจท่องเที่ยว ในกลุ่มประเทศอาเซียน
7. ให้บริการหรือความช่วยเหลือต่อภาครัฐบาลในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว


สมาคมบริษัทนำเที่ยวแห่งอเมริกา

สมาคม นี้ถือได้ว่าเป็นสมาคมของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นองค์การเดียวที่รวบรวมสมาชิกต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทุกสาขาไว้ด้วยกัน
ปัจจุบันสมาคมมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งเพื่อ
1. วางมาตรการการบริการแก่นักท่องเที่ยว
2. ส่งเสริมการท่องเที่ยว และประสานงานการดำเนินงานของบริษัทนำเที่ยวในสหรัฐอเมริกา
3. ให้ความร่วมมือแก่องค์การระหว่างประเทศ และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
4. ขจัดปัญหาและร่วมอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวเป็นส่วนรวม
สำหรับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นั้นเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี พ.ศ.2509


องค์กรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจในประเทศไทย
กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา
(Ministry of Tourism and Sport)

สำนัก งานพัฒนาการท่องเที่ยวมีภารกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในการพัฒนามาตรฐาน การบริการด้าน การท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งการสนับสนุนการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้อยู่ในระดับ มาตรฐาน
เพื่อ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม และเพื่อก่อให้เกิดการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งเดิมเป็นภารกิจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และได้ถ่ายโอนมาให้สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ประกอบกับกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. 2545 นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว ยังรับโอนงานพัฒนาและสนับสนุนกิจการภาพยนตร์มาจากกรมประชาสัมพันธ์ด้วย


  • สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (Association of Thai Travel Agents :ATTA)
  • สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (Thai Travel Agents Association: TTAA)
  • สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวแห่งประเทศไทย (สนท. The Association of Thai Tour Operators: ATTO)
  • สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย (สมอ. Professional Guide Association Thailand: PGA
  • สภา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรภาคเอกชน จัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ที่กำหนดในพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แห่งประเทศไทย พ.ศ.2544

บทที่ 10 กฎหมายสำคัญของไทย ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว



อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับองค์กรณ์หลายฝ่ายทั้งรัฐและเอกชน และด้วยเหตุที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไม่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการสั่งการในทุกด้านที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวดั้งนั้น
กฎหมายสำคัญของไทยที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1.กฎหมายเกี่ยวกับองค์การที่ดูแลสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยทั่วไป
2.กฎหมายควบคุมนักท่องเที่ยว
3.กฎหมายควบคุมดูแลและพัฒนาทรัพยากรการท่องเที่ยว
4.กฎหมายควบคุมเกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว


กฎหมายเกี่ยวกับองค์การที่ดูแลสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยทั่วไป มีกฎหมายสำคัญจำนวน 4 ฉบับ ได้แก่
A.พระราชบัญญัติการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2522
-คำจำกัดความของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวและคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
-ระเบียบเกี่ยวกับการจัดตั้งทุน และเงินสำรองของการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ระเบียบเกี่ยวกับการกำกับ การควบคุมและการบริหารงานของททท.
B. พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545
-กฎหมายก่อตั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขึ้นรับผิดชอบด้านการท่องเที่ยว
-ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โอนภาระงานด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พัฒนาบริการท่องเที่ยว และทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวให้กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
-ทำให้ททท.มีหน้าที่เพียงด้านการบริหารจัดการตลาดการท่องเที่ยวเป็นหลัก
C.พระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544
-กำหนดให้มีการจัดตั้งสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมี
วัตถุประสงค์เพื่อ

1) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในด้านการประสานงาน
2) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
3) ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว โบราณสถาน และสิ่งแวดล้อมรวมทั้งเอกลักษณ์ของความเป็นไทย
4)ส่งเสริมให้มีจรรยามารยาทในการท่องเที่ยว

D. พระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 ถึง 2546 (รวม 5 ฉบับ)
-เกี่ยวข้องกับการพัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
-จัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำและทางบก การกำจัดมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล ป้องกันโรคและระงับโรคติดต่อ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ส่งเสริมการพัฒนาสตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุและผู้พิการ
-คุ้มครองดูแลและบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-บำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น





กฎหมายควบคุมดูแลและพัฒนาทรัพยากรการท่องเที่ยวมีกฎหมายสำคัญ จำนวน 17 ฉบับ ได้แก่
1.พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
-เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองดูแลรักษาและจัดการอุทยานแห่งชาติอันเป็นทรัพยากรการ ท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติซึ่งต้องการให้มีการจัดการ การอนุรักษ์ และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความยั่งยืน
-อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และ 2546เกี่ยวข้องกับการสงวนและคุ้มครองโดยคณะกรรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ เพื่อไม่ให้สัตว์ป่าเหล่านั้นถูกทำร้ายและสูญพันธุ์ในบริเวณเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า และอุทยานแห่งชาติ
-กิจกรรมการดูนก ส่องสัตว์ในบริเวณดังกล่าว สำหรับนักท่องเที่ยวจึงมีความจำเป็นและเกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
3. พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507, 2522 และ 2528
-เกี่ยวข้องกับการจัดการดูแลพื้นที่บริเวณที่เป็นป่าสงวน
-ซึ่งปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ยังคงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
4.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484, 2522 และ 2525
เกี่ยวกับการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติ
-ควบคุมการตัดไม้ ทำไม้ และของป่าหวงห้าม รวมทั้งควบคุมการนำไม้และของป่าเคลื่อนออกจากป่า
-เพื่อมิให้มีการตัดไม้และทำลายไม้โดยไม่จำเป็น และสงวนไม้มีค่าบางชนิดเอาไว้
-มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของป่าให้ยั่งยืน
5.พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510, 2522 และ 2534
-การสำรวจแร่หรือทำเหมือง ถ้าพบโบราณวัตถุหรือซากดึกดำบรรพ์หรือแร่พิเศษอันมีคุณค่าแก่การศึกษาในทางธรณีวิทยา จะต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเกี่ยวกับการเก็บได้ซึ่งวัตถุนั้น และผู้ถืออาชญาบัตรหรือผู้ถือประทานบัตรชั่วคราว หรือผู้ถือประทานบัตรจะต้องแจ้งต่อทรัพยากรธรณีประจำท้องถิ่น
-มีส่วนในการช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยวเช่นกัน
6.ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2520
-การสำรวจและทำสำมะโนที่ดินเพื่อให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ และความเหมาะสมแก่การทำประโยชน์ของรัฐและประชาชน
-กระทรวงมหาดไทยได้อาศัยมาตรา 9 (2) ออกประกาศลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 มิให้มีการทำลาย หรือทำให้เสื่อมสภาพในบริเวณที่เขาหรือภูเขา และปริมณฑลรอบที่เขาหรือภูเขาสูง 40 เมตร บริเวณแม่น้ำลำคลอง รวมถึงที่ดินของรัฐที่มิได้มีบุคคลผู้ใดมีสิทธิครอบครองเฉพาะบริเวณที่ดินที่เป็นหิน ที่กรวด หรือที่ทราย
7.พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและอนุรักษ์ประเพณีและศิลปวัฒนธรรม ความเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้คงอยู่สืบไปซึ่งกิจกรรมประเพณีและศิลปวัฒนธรรมจัดเป็นสินค้าทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมเพื่อการท่องเที่ยวจึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ
8.พระราชบัญญัติรักษาคลอง รศ. 121เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและจัดการกับพื้นที่บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ให้อยู่ในสภาพดีและเหมาะสม ปัจจุบันบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการดำเนินการใดๆในพื้นที่แห่งนี้ต้องถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเกาะรัตนโกสินทร์
9. พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พ.ศ.2535
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นทะเบียน การกำกับดูแลโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และป้องกันการค้าโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุที่ผิดกฎหมาย การจัดตั้งอุทยานประวัติศาสตร์
-ระบุให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาด และมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
-เนื่องจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมการดำเนินการใดๆจึงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฉบับนี้อย่างเคร่งครัด
10. พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535
การควบคุมมลพิษ เช่น มลพิษทางอากาศ เสียง ทางน้ำ ของเสียอันตรายฯลฯ
การส่งเสริมรักษาและกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม เช่น มาตรฐานคุณภาพน้ำในแม่น้ำ คลอง ชายฝั่งทะเล มาตรฐานคุณภาพอากาศ มาตรฐานระดับเสียงและความสั่นสะเทือน ฯลฯ
การกำหนดมาตรฐาน ควบคุมการระบายน้ำทิ้งจาก โรงแรม อาคารชุด หอพักฯลฯ ในแหล่งท่องเที่ยวและควบคุมมลพิษจากแหล่งที่อื่นที่อาจจะส่งผลต่อแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียง
11.พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และ 2535
ควบคุม ดูแลกิจกรรมต่างๆ ของคณะสงฆ์ ซึ่งรวมถึงที่ดินของวัดอันเป็นที่ตั้งของทรัพยากรการท่องเที่ยวประเภทศาสนสถานและโบราณสถาน
ห้ามแย่งการครอบครองหรือครอบครองปรปักษ์ที่วัด (คือ ที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น) หรือที่ธรณีสงฆ์ (คือ ที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด) นั้น และไม่ให้ที่วัดหรือที่ธรณีสงฆ์ตกอยู่ในข่ายของการบังคับคดี คือ ใครจะยึดไปขายทอดตลาดชำระหนี้ไม่ได้ เท่ากับทำให้วัดซึ่งเป็นที่ตั้งของศาสนสถานและโบราณสถานต่างๆ ยังคงดำรงอยู่ตลอดไป
ห้ามมิให้เจ้าอาวาสหรือผู้แทนโอนที่ดินไปให้บุคคลใดได้ตามใจชอบ
วัดและวัดร้างที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานยังต้องอยู่ในความควบคุมของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2535 การก่อสร้างอาคารต้องได้รับการอนุญาตจาก...............
12. พระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน พ.ศ. 2528
กำหนดให้มีการเผาศพ หรือฝังศพในสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือเอกชนที่ได้มีผู้ดำเนินการอนุญาตจัดตั้งเท่านั้น จะไปเผาศพหรือฝังศพที่อื่นไม่ได้ เช่น ในที่ป่าไม้ ที่ภูเขา ที่น้ำตก ถ้ำ ฯลฯ ที่มีลักษณะเป็นทรัพยากรการท่องเที่ยว เพราะจะทำให้ภูมิทัศน์ของพื้นที่เหล่านั้นเสียไป รวมไปถึงการก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับด้านสาธารณสุข คือ อาจเป็นอันตรายในทางอนามัยแก่ประชาชนทั่วไปได้
ห้ามมิให้เปลี่ยนแปลง ต่อเติมสุสานและฌาปนสถานสาธารณะหรือของเอกชน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
ข้อห้ามเช่นนี้มีประโยชน์ต่อทรัพยากรการท่องเที่ยวที่เป็นสุสาน เช่น สุสานทหารสัมพันธมิตร จ.กาญจนบุรี สุสานสงครามช่องไก่ จ.กาญจนบุรี หรือสุสานเจ้าเมืองระนอง จ.ระนอง
13.พระราชบัญญัติว่าด้วยลักษณะฐานะของวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิกในกรุงสยามตามกฎหมาย ร.ศ. 128
กำหนดหลักเกณฑ์ในการที่จะให้มิสซังกรุงเทพ และมิสซังหนองแสง (นครพนม) ถือที่ดินในประเทศไทยเพื่อก่อตั้งวัดบาทหลวงและสถานที่พักสอนศาสนา
วัดและสิ่งก่อสร้างทางศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกบางแห่งสร้างแบบสถาปัตยกรรมของยุโรป เช่น วัดอัสสัมชัญที่บางรัก หรือโบสถ์คาทอลิกในโรงเรียนสตรีมารดาพิทักษ์ใน จ.จันทบุรี สร้างขึ้นแบบสถาปัตยกรรมกอธิค เป็นต้น
เป็นทรัพยากรการท่องเที่ยวอีกประเภทหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการจะดูและศึกษาถึงการก่อสร้าง ประวัติความเป็นมา และความสวยงามของศาสนสถานนั้นๆ
14.พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 และ 2528
ควบคุม และดูแลทางด้านการประมง อนุรักษ์ที่จับสัตว์น้ำ เช่น กว๊านพะเยา บึงบรเพ็ด ทะเลสาบสงขลา หรือท่าน้ำหน้าวัดต่างๆ ที่มีปลาอาศัยอยู่ เช่น วัดไร่ขิง จ.นครปฐม วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เป็นต้น
ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรการท่องเที่ยว เช่น ห้ามมิให้บุคคลใดทำการประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่รักษาพืชพันธุ์ (คือที่จับสัตว์น้ำซึ่งอยู่ในบริเวณพระอารามหรือปูชนียสถาน หรือติดกับเขตสถานที่ดังกล่าว บริเวณประตูระบายน้ำ ฝาย หรือทำนบ) ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพของที่จับสัตว์น้ำหรือปลูกสร้างสิ่งใดหรือปลูกพืชพันธุ์ไม้ใดๆ ลงในที่จับสัตว์น้ำ ห้ามใช้วัตถุระเบิดหรือห้ามก่อภาวะมลพิษในแหล่งน้ำ เป็นต้น
15. พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2512, 2522 และ 2535
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการการสร้างโรงงานและการจัดการโรงงาน เพื่อลดการส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมต่อแหล่งท่องเที่ยว และในบริเวณใกล้เคียงแหล่งท่องเที่ยว
โรงงานสุรา
16. พระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบของชานเมือง พ.ศ.2535
เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสะอาดในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพฯ พัทยา และเทศบาลซึ่งพื้นที่ต่างๆ เหล่านี้อาจรวมถึงบริเวณแหล่งท่องเที่ยวด้วย
17.พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518, 2525 และ 2535 และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522, 2535 และ 2543
-เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารบริเวณแหล่งท่องเที่ยว การจัดการด้านผังเมือง การกำหนดเขตต่างๆในแหล่งท่องเที่ยว




บทที่9 ผลกระทบของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

การท่องเที่ยว มักจะนึกถึงผู้เดินทางไปตามแหล่งท่องเที่ยวไปเยี่ยมญาติไปพักผ่อน ซึ่งการมองเฉพาะด้านของนักท่องเที่ยว แต่น่าจะต้องประกอบไปด้วยด้านของผู้ให้บริการที่จะคอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
ปัจุบันการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นไปอย่างรวดเร็วจะเห็นได้ว่าหลายประเทศพยายาม นำทรัพยากรธรรมชาติตลอดจนทรัพยากรทางประวัติศาสตร์ ทำให้เดรายได้เพิ่มขึ้น
ผลกระทบจากท่องเที่ยวต่อเศรษฐกิจ
ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากนักท่องเที่ยวย่อมกระจายไปสู่ธุรกิจต่าง ๆ มากน้อยแตกต่างกัน รายได้ที่เกิดจากนักท่องเที่ยวออกมาในรูปแบบของเม็ดเงินเด่นชัด เป็นทียอมรับว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนสถานที่ใดก็ตามจะต้องมีการจ่ายเพื่อเป็นค่าบริการ
ด้านบวก
-ช่วยทำให้เกิดรายได้แก่ท้องถิ่นภายในประเทศ (Local Income)
-ช่วยทำให้เกิดรายได้ต่อรัฐบาล (Government Receipt)
-ช่วยให้เกิดการจ้างงาน (Employment)
-ช่วยให้เกิดอาชีพใหม่ (Creating new job)
-ช่วยให้เกิดรายรับเงินตราต่างประเทศ (ForeignExchangeEarning)

-ช่วยให้เกิดภาวะดุลชำระเงิน (Balance of Payment)

ด้านลบ

-ค่าครองชีพของคนในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น (Increase of Living Expenses)
-ราคาที่ดินแพงขึ้น
-มีค่าใช้จ่ายต่างๆที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองความต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
-ทำให้สูญเสียรายได้ออกนอกประเทศ
-รายได้จากธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ เป็นไปตามฤดูกาล


ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อสังคม
เมื่อมีการพัฒนาการท่องเที่ยวไปยังแหล่งใดก็ตาม ย่อมมีนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในสถานที่นั้น ๆ ซึ่งมีการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น ผลที่ตามมาก็มีทั้งด้านดีและด้านลบ แม้ว่าผลกระทบด้านนี้จะเป็นเรื่องที่ยากเพราะอาจมีลักษณะเป็นนามธรรม
ด้านบวก
-เป็นการพักผ่อนหย่อนใจของบุคคล ลดความเครียด
-ช่วยให้เกิดสันติภาพแห่งมวลมนุษย์และช่วยกระตุ้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลในชาติต่างๆ
-ช่วยให้ประชาชนได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น
-มาตรฐานการครองชีพดีขึ้น
-คนในท้องถิ่นได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น จากสาธารณูปโภคและสาธารณูปการในแหล่งท่องเที่ยวและบริเวณใกล้เคียง

ด้านลบ
-ความรู้สึกที่ไม่ดีต่อคนในท้องถิ่นจากนักท่องเที่ยว
-โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนแปลง
-การเลือนหายของอาชีพดั้งเดิมในท้องถิ่น
-ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม
-ปัญหาโสเภณีและCommercial sex
-การมีค่านิยมผิดๆ จากการเลียนแบบนักท่องเที่ยว
-ปัญหาการบิดเบือนหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
-ปัญหาความไม่เข้าใจและการขัดแย้งระหว่างคนท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยว
-ช่วยให้เกิดการก่อสร้างสิ่งดึงดูดใจด้านการพักผ่อนในพื้นที่

การท่องเที่ยวช่วยให้เกิดสันติภาพแห่งมวลมนุษย์
การท่องเที่ยวเป็นหนทางไปสู่สันติภาพ
(Tourism is a passport to peace)
ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อวัฒนธรรม
เราไม่สามารถปฏิเสธว่าสังคมและวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ด้วยปัจจัยต่างๆทำให้เกิดขึ้นโดยฌพาะอย่างยิ่งการติดต่อสัมพันธ์กันปัจจุบันโลกกลายเป็นยุคโลกาภิวัฒน์การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างรวดเร็วกว้างไกล
ด้านบวก
-เกิดงานเทศกาลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว วัฒนธรรมถูกรื้อฟื้นหรือไม่เลือนจางหายไป
-มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาและนักท่องเที่ยวนิยมมากขึ้น


ด้านลบ
-คุณค่าของงานศิลปะลดลง
-วัฒนธรรมประเพณีที่ถูกนำเสนอขายในรูปแบบของสินค้าเน้นตอบสนองนักท่องเที่ยว
-วัฒนธรรมของนักท่องเที่ยวมีบทบาทในการรับวัฒนธรรมใหม่ (Acculturate) ของคนในท้องถิ่น
-เกิดภาวะตระหนกและสับสนทางวัฒนธรรม (Culture Shock)


บทที่8 ธุรกิจอื่นๆและองค์ประกอบเสริมในอุสาหกรรมการท่องเที่ยว

นอกจากธุรกิจหลักซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจการท่องเที่ยวแล้วยังมีธุรกิจอื่นๆดำนินการเพื่อตอบสนองความต้องการบริการด้านต่าง ๆ แก่ นักท่องเที่ยวเช่น การบริการด้านอาหารและเครื่องดื่ม สถานบันเทิง ร้านขายของที่ระลึก ศุนย์ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยวและอื่น ๆ


ธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่ม

ความหมายของธุรกิจการบริการอาหารและเครื่องดื่ม
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าธุรกิจที่พักและธุรกิจขนส่งเพราะนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องรับประทานอาหารในระหว่างการท่องเที่ยวหรือการเดินทาง
ในปลายศตวรรษที่ 18 ที่ห้องอาหารในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส คำว่า ภัตตาคารได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเน้นการบริการอาหารประเภทกับแกล้มหรืออาหารเบา

การจำแนกปะเภทของธุรกิจบริการอาหารและเครื่องดื่ม
เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีร้านอาหารและภัตตาคารต่าง ๆ มากมายไว้บริการแก่ลูกค้า จึงเป็นเรื่องค่อนข้างยากในการจำแนกประเภทของร้านอาหารอย่างชัดเจน แม้นแต่ในโรงแรมเองก็มีการบริการอาหารหลายประเภทหลายระดับ ทั้งนี้เราสามารถแบ่งประเภทของธุรกิจอาหารการบริการและเครื่องดื่มได้เป็น 7 ประเภทใหญ่ๆดังนี้

1. ธุรกิจอาหารจานด่วน
เป็นธุรกิจอาหารที่กำลังได้รับความนิยมและขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ลูกค้าสามารถเลือกที่จะนั่ง
รับประทานในร้านหรือซื้อออกไปก็ได้และราคาอาหารค่อนข้างต่ำ ร้านอาหารจานด่วนมีการดำเนินการในรูปแบบของการรับสิทธิ


2. ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปเดลี่
เป็นธุรกิจที่ผสมผสานการให้บริการอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เนย แซนวิช สลัด และอาหารสำเร็จรูป
ประเภทอื่นๆ ปัจจุบันร้านอาหารประเภทนี้นิยมมาก
3. ธุรกิจอาหารบุฟเฟ่ต์
เป็นธุรกิจอาหารแบบบริการตนเอง ซึ่งปกติจะบริการเครื่องดื่มและจะให้บริการที่โต๊ะลูกค้าโดยตรง
ทุกอย่างคุณสามารถกินได้ และตั้งราคาเดียวและราคาไม่สูงมากนัก
4. ธุรกิจค๊อฟฟี่ช๊อพ
เน้นการบริการอาหารแบบรวดเร็ว ลูกค้าหมุนเวียนเข้าไปมารับประทานอาหารโดยใช้เวลาน้อย ไม่
เน้นความหรูหราและราคาค่อนข้างต่ำร้านอาหารประเภทนี้ส่วนใหญ่จะขายดีที่สุดช่วงอาหารเที่ยงรือช่วงกาแฟบ่าย


5. ธุรกิจคาเฟทีเรีย
เป็นธุรกิจอาหารแบบบริการตนเอง โดยส่วนใหญ่ราการอาหารจะค่อยข้างจำกัดกว่าภัตตาคารทั่ว
ๆ ไป จำนวนมากที่ต้องการความรวดเร็วในช่วงธุรกิจหนาแน่น ดังนั้นการฝึกฝนให้พนักงานบริการอย่างรวดเร็วจึงค่อนข้างจำเป็น
6. ธุรกิจอาหารกูร์เมต์
เป็นธุรกิจที่เน้นการให้บริการในระดับสูง ทั้งในด้านคุณภาพอาหาร โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการ
มาตรฐานการบริการในระดับสูง และพร้อมจ่ายเงินเพื่อซื้อการบริการที่พึงพอใจ จึงทำให้ต้องลงทุนสูงกว่าภัตตาคารหรือร้านอาหารประเภทอื่นๆเพื่อชื่อเสียงของร้านและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ
7. ธุรกิจอาหารเฉพาะกลุ่มเชื้อชาติเป็นธุรกิจที่ให้บริการอาหารเฉพาะรายการอาหารประจำ

ลักษณะประจำชาติหรือลักษณะท้องถิ่นนั้นๆ

อาหารไทย
อาหารไทยถือเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลกอาจเป็นเพราะรสชาติที่กลมกล่อมและความสวยงามประณีตเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อนักท่องเที่ยวเมืองไทยส่วนใหญ่ก็มักต้องการลิ้มรสอาหารไทยแบบดั่งเดิมดูสักครั้ง

อาหารไทยภาคเหนือ
ภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยอุดมไปด้วยป่าไม้และภูเขาสูงแวดล้อมไปด้วยพืชพรรณธรรมชาตินานาชนิด ภาคเหนือยังมีคนไทยภูเขาหลายเผ่าอาศัยอยู่จึงมีความหลากหลายทางวัมนธรรม และยังคงใกล้ชิดธรรมชาติอยู่มาก ซึ่งผลให้อาหารทางเหนือยังใช้พืชตามป่าเขาและพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในการปรุงอาหารเป็นส่วนใหญ่ การรับประทานอาหารแบบขัยโตก อาหารทางภาคเหนือไม่นิยมใส่น้ำตาลเพราะความหวานจะมาจากผัก เช่นการนำผักมาผัดหรือต้มให้นุ่มก่อนรับประทาน เช่นแคปหมูใช้รับประทานคู่กับขนมจีนน้ำเงี้ยวก่อนรับประทาน
อาหารไทยภาคใต้
ภูมิประเทศของภาคใต้เป็นคาบสมุทรที่ยื่นลงไปในทะเล อาชีพของชาวใต้ก็คือชาวประมงอาหารหลักจึงเป็นอาหารทะเล จำพวกกุ้ง หอย ปู ปลา จะมีกลิ่นคาวจัดใช้เครื่องเทศและขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาว อาหารใต้หลายชนิดที่นิยมรับประทานกับผักเพื่อลดความเผ็ดร้อน ข้าวยำปักษ์ใต้ แกงไตปลา แกงเหลือง เป็นต้น
อาหารไทยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตั่งอยู่บนพื้นที่ที่ราบสูง กักเก็บน้ำได้ไม่ดีจึงแห้งแล้งในหน้าร้อน นิยมบริโภคเนื้อสัตว์เหล่านี้ โดยทั่วไปคนอีสานชอบอาหารรสเค็ม เผ็ด เปรี้ยว จึงมีการถนอมอาหาร เช่นปลาร้า เนื้อเค็ม ไส้กรอกหมู เป็นต้น
การดำเนินงานด้านธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ปัจจุบันผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มนิยมหันไปทำธุรกิจในลักษณะที่เป็นกลุ่มธุรกิจหรือตามที่ วินิจ วีรยางกูรได้สรุปไว้ดังนี้
1) มีการจำกัดประเภทอาหารให้แคบลง
2) ต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ
3) มีการฝึกพนักงานอย่างดี ทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพสูง
4) ภาชนะที่ใส่อาหารส่วนใหญ่เป็นประเภทรับประทานแล้วทิ้งเลย
5) มีอาหารน้อยชนิด การปรุงอาหารไม่ซับซ้อน
ลักษณะอาหารที่โรงแรมจัดไว้ส่วนใหญ่มักเป็นอาหารตะวันตก
1) อาหารเช้า คืออาหารที่รับประทานตั้งแต่8.00-9.00เป็นเป็น2ประเภทคือ
1.1อาหารเช้าแบบยุโรป เป็นอาหารเช้าที่ประกอบไปด้วยน้ำผลไม้ ขนมปัง แยม หรือเนยหรือกาแฟเท่านั้น
1.2อาหารเช้าแบบอเมริกัน ประกอบด้วยน้ำผลไม้ คอร์นแฟลก ขนมปัง ไข่ดาว แฮม เบคอน แล้วตามด้วยชา กาแฟ
2) อาหารก่อนกลางวัน คือรับประทานช่วงเวลาระหว่างอาหารเช้ากับมื้อเที่ยงตั่งแต่9.30-11.30
3) อาหารกลางวัน Lunch or Luncheon รับประทานในช่วง 11.30-14.00 น.เป็นอาหารที่ไม่หนักจนเกินไป ใช้เนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น ปลา หมู ผักต่างๆ อาจเป็นแบบ A La Carte คือรายการที่ลูกค้าสามารถสั่งได้ตามใจชอบจากรายการที่มี หรือ Table d ’Hotel คือแบบรายการอาหารชุด แบ่งเป็น
-อาหารจานเดียว (One Course)
-อาหารกลางวันประเภทสองจาน (Two Courses)
-อาหารกลางวันประเภทสามจาน (Three Courses)
-อาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ (Buffet Lunch)
4) อาหารว่างหรืออาหารน้ำชา (Afternoon Tea)
ปกติรับประทานเวลา 15.00-17.00 น. ชากาแฟ เค้ก หรือ ผลไม้
5)อาหารเย็น ( Dinner)เริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นอาหารมื้อที่หนักที่สุดของวัน ประกอบด้วยอาหารชุดต่าง ๆ ดังนี้
-อาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer)
-ซุป (Soup)
-อาหารนำจานหลัก (Entrees) ประเภทอาหารทะเล
-อาหารหลัก (Main Course) ได้แก่อาหารประเภท เนื้อสัตว์ แป้ง
-ของหวาน (Dessert)
-ชาหรือกาแฟ (Tea or Coffee)
6)อาหารมื้อดึก (Supper)เป็นอาหารเบาๆ ซึ่งรับประทานหลังมื้อเย็นหรือหลังอาหารหนัก
การจัดการและการตลาด (Management and Marketing
เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าธุรกิจอื่นๆ ประกอบกับภาวการณ์แข่งขันมีค่อนข้างสูง ตลาดและส่วนผสมทางการตลาดในทุกๆ ด้านดังนี้
1.ด้านผลิตภัณฑ์ (product) ต้องมุ่งเน้นที่คุณภาพของอาหารและบริการ ต้องมีคุณค่าทางโภชนาการและถูกหลักอนามัย
2.ด้านราคา (price) ต้องเป็นราคาที่เหมาะสมกับชนิดและประเภทของอาหาร โดยต้องคำนึงถึงคุณภาพ ต้นทุน การให้บริการ ต้องหมั่นสำรวจตลาด และคู่แข่งเสมอ
3.ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย (place) ต้องรู้ว่าจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ด้วยวิธีใด อาทิสถานที่ตั้ง บริการส่งถึงที่ เป็นต้น
4.การส่งเสริมการขาย (promotion)ควรเลือกสื่อและโฆษณาที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด รวมทั้งการประสานงานกับบริษัทนำเที่ยว หรืออาจมีการรวมกลุ่มเป็นสมาคม อาทิ สมาคมภัตตาคาร (restaurant association)
ธุรกิจจำหน่ายสินค้าและสินค้าที่ระลึกShopping and Souvenir Business
ธุรกิจจำหน่ายสินค้า คือ การประกอบธุรกิจขายปลีก เพื่อจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่างหรือหลายอย่างแก่ผู้บริโภค ซึ่งหมายถึงบุคคลทั่วไปรวมถึงนักท่องเที่ยว

ประเภทของธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการ
ห้างสรรพสินค้า ( Department Store) หมายถึงกิจการขายปลีกขนาดใหญ่ที่รวมสินค้าหลายอย่างเข้ามาไว้ภายในบริเวณเดียวกัน โดยแยกตามแผนก เพื่อเป็นการประหยัดเวลาของลูกค้า
ห้างสรรพสินค้ายังมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และได้ทำให้หลายๆ ประเทศพยายามพัฒนาภาพลักษณ์ให้เป็นสวรรค์ของการซื้อสินค้า
ศูนย์การค้า (Shopping Centers/Malls) คือการขายปลีกขนาดใหญ่ที่รวมร้านขายปลีกรวมทั้งห้างสรรพสินค้าเข้ามาอยู่ในอาคารเดียวกัน ตลอดจนบริการที่จอดรถตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อาทิ โรงภาพยนตร์ ธนาคาร ภัตตาคาร
ร้านค้าปลอดอากร (Duty-free shop)และร้านปลอดภาษี (Tax-free shop) เป็นร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยวระหว่างประเทศเท่านั้น โดยสินค้าในร้านปลอดอากรนั้น มักเป็นสินค้าปลอดอากรที่นำเข้าจากต่างประเทศราคาสูง

บทที่7 ตัวแทนจำหน่ายการท่องเที่ยว

แทรเวล เอเจนซี่ (travel agency)
ความหมายของทราเวลเอเจนซี่
ผู้เชี่ยวชาญทางอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ความสหมายของแทรเวลเอเจนซี่ไว้ดังนี้

แทรเวลเอเจนซี่ หมายถึงธุรกิจขายปลีกที่ได้รับอนุมัติให้ขายผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวแทนผู้ประกอบการธุรกิจ เช่น สายการบิน สายการเดินเรือ บริษัทรถไฟ และสถานที่พักแรม
บทบาทหน้าที่ของแทรเวลเอเจนซี่
1) จัดหาราคาหรืออัตราสินค้าทางการท่องเที่ยว
2) ทำการจอง
3) รับชำระเงิน
4) ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง
5) ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆ
6) ช่วยดำเนินการในการซื้อบัตรโดยสาร
7) ออกบัตรโดยสารเครื่องบินและเอกสารอื่นๆ

1. จัดหาราคาหรืออัตราสินค้าทางการท่องเที่ยวแทรเวลเอเจนซี่มีหน้าที่จัดหาราคาต่างๆเช่นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน ราคาห้องพักของโรงแรม ราคารถเช่า ราคาทัวร์แบบเหมาจ่าย ราคาค่ารถไฟหรือรถประจำทาง ค่าประกันภัยเป็นต้น

2.ทำการจองหน้าที่ลำดับที่สองคือ ทำการจอง โดยทั่วไปการจองบัตรโดยสารเครื่องบินจะเกี่ยวข้องกับการวางแผนเส้นทางการบินและการต่อเครื่องบินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ในการจองบัตรยการบิน สายการเดินเรือ บริษัทรถไฟ และสถานที่พักแรม
การโดยสารเครื่องบินแทรเวลเอเจนซี่ต้องการข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้
2.1จำนวนผู้โดยสารพร้อมชื่อและนามสกุล
2.2เบอร์โทรศัพท์
2.3ที่อยู่ทางไปรษณีย์
2.4ชื่อผู้จอง
2.5ข้อมูลความต้องการบริการพิเศษ
2.6วันที่ออกบัตรโดยสาร
2.7รูปแบบการชำระเงิน

3. รับชำระเงิน แทรเวลเอเจนซี่ ที่ได้รับการรองรับจาก arc จะได้รับอนุญาติให้รับชำระเงินค่าบัตรโดยสารได้ทุก ๆ สัปดาห์ แทรเวลเอเจนซี่จะต้องส่งรายงานให้กับ arc เกี่ยวกับจำนวนบัตรโดยสารที่ขายและจำนวนเงินที่ได้รับจากการขายรายได้จากการขายบัตรโดยสารจะต้องนำเข้าบัญชีพิเศษที่เรียกว่า settlement account

1.ทำการส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางแทรเวลเอเจนซี่มีหน้าที่จัดส่งบัตรโดยสารหรือเอกสารเกี่ยวกับการเดินทางอย่างไรก็ตามโดยทั่วไปลูกค้าส่วนใหญ่มักจะไปรับบัตรโดยสารเอง

2.ช่วยเหลือลูกค้าในการซื้อสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆแทรเวลเอเจนซี่ส่วนใหญ่มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวอื่นๆนอกเหนือจากการขายบัตรโดยสารเครื่องบิน สินค้าและบริการเหล่านั้นได้แก่

  • ทัวร์แบบเหมาจ่าย(package tours)
  • เรือสำราญ(cruises)
  • โรงแรม(hotel)
  • เช่ารถ(car rentals)
  • ค่าทัศนาจร(sight-seeing excursions)
  • ค่าโดยสารรถประจำทาง(bus transportation)
  • ค่าประกันภัยในการเดินทาง(travel insurance)
  • ค่าโดยสารรถไฟ(rail transportation)
ประโยชน์ของการใช้บริการของแทรเวลเอเจนซี่
  • แทรเวลเอเจนซี่มีความชำนาญในการหาข้อมูลและการวางแผนท่องเที่ยว
  • แทรเวลเอเจนซี่สามารถหาข้อเสนอหรือราคาที่ดีที่สุด

  • แทรเวลเอเจนซี่ช่วยประหยัดเวลาและความลำบาก

  • แทรเวลเอเจนซี่ช่วยแก้ไขปัญหาได้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือปัญหา

  • แทรเวลเอเจนซี่รู้จักผู้ประกอบธุรกิจมากกว่า

  • แทรเวลเอเจนซี่รู้จักแหล่งท่องเที่ยวดีกว่าประเภทของแทรเวลเอเจนซี่
แทรเวลเอเจนซี่จะมีลักษณะคล้ายกันคือมีขนาดเล็กและเป็นธุรกิจของครอบครัวและให้บริการที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงโดยมักจะขายผลิตภัณฑ์และบริการท่องเที่ยวหลากหลายประเภทโดยอาจสรุปได้ 4ประเภทคือ
1) แบบที่มีมาแต่เดิม( a conventional agency)
2) แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต(online agencies)
3) แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง(specialized agencies)
4) แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก(home based agencies)


1.แบบที่มีมาแต่เดิมแทรเวลเอเจนซี่ ประเภทนี้มักขายผลิตภัณฑ์และบริการทางการท่องเที่ยวที่หลากหลายและเต็มรูปแบบเช่นขายบัตรโดยสารเครื่องบิน ที่พัก บริการเช่ารถ บัตรโดยสารรถไฟ เรือสำราญ โปรแกรมทัวร์แทรเวลเอเจนซี่พวกนี้อาจแบ่งย่อยได้อีกตามลักษณะการบริหารการจัดการ
1.1แทรเวลเอเจนซี่เป็นเครือข่าย
1.2แทรเวลเอเจนซี่แบบแฟนไชส์
1.3แทรเวลเอเจนซี่อาจเกี่ยวข้องกันในลักษณะของคอนซอเตียม
1.4แทรเวลเอเจนซี่แบบอิสระ

2. แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ต
แบบที่ขายทางอินเตอร์เน็ตเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ10ปีที่ผ่านมาเอเจนซี่ประเภทนี้ประกอบธุรกิจผ่านทางอินเตอร์เน็ตและบางครั้งอาจให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์บ้าง
3. แบบที่ชำนาญเฉพาะทาง
เอเจนซี่แบบอิสระ และแบบที่เป็นส่วนหนึ่งของคอนซอเตียม พบว่าอาจจะทำธุรกิจได้ดีขึ้นหากขายไปยังกลุ่มตลาดลูกค้าที่มีความต้องการเฉพาะทาง เช่น ตลาดนักธุรกิจ ตลาดเรือสำราญ ตลาดลูกคาระดับสูงเป็นต้น

4. แบบที่ประกอบธุรกิจจากที่พัก

ในปัจจุบันที่ธุรกิจต่าง ๆสามารถทำได้โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ผู้ประกอบการแทรเวลเอเจนซี่อาจจะปรับเปลี่ยนบ้านหรือที่พักเป็นสำนักงาน ซึ่งเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังสำนักงาน ละไม่ต้องใช้งบประมาณสูง

ประเภทของทัวร์ทัวร์แบบเหมาจ่ายแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆได้3ประเภท

• ทัวร์แบบอิสระ(independent tour)
• ทัวร์แบบไม่มีผู้นำเที่ยว(hosted tour)
• ทัวร์แบบมีผู้นำเที่ยว(escorted tour)


วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 6 ที่พักแรม





ความเป็นมา

ธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศที่พักแรมมีมาแต่ยุคโบราณ ย้อนหลังไปถึงยุคอารยธรรมกรีกและโรมัน เกิดขึ้นสนองความต้องการที่พักของนักเดินทางที่ไม่สามารถไปกลับได้ในวันเดียว ปริมาณการเดินทางในอดีตมีไม่มาก ที่พักส่วนใหญ่ขยายตัวไปตามความเจริญทางสังคม






โรงแรม(Hotel)

เป็นธุรกิจที่พักแรมที่สำคัญในปัจจุบัน คำเรียกที่พักว่าhotelนี้เดิมมาจากภาษาฝรั่งเศสและมาปรากฏใช้เรียกธุรกิจประกอบการที่พักแรมในอังกฤษและอเมริกาในศตวรรษที่18และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกลุ่มหรือเชน(chain)โรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ intercontinental holiday inn Marriott Sofitel Hilton Conrad Sheraton Hyatt le meridianเป้นต้น



ธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย

ธุรกิจที่พักแรมสำหรับบริการนักเดินทางต่างชาติในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชาวตะวันตกเข้ามาจำนวนมาก มีการลงประกาศข่าวในหนังสือพิมพ์ยุคนั้นเกี่ยวกับธุรกิจที่พักแรมประเภทบอร์ดดิ้งเฮ้าส์

กิจการโฮเต็ล หรือโรงแรมที่สำคัญในอดีตได้แก่

1. โอเรียนเต็ลโฮเต็ล

2. โอเต็ลหัวหิน

3. โอเต็ลวังพญาไท

4. โรงแรมรัตนโกสินทร์การใช้คำว่าโรงแรมเรียกกิจการที่พักคนเดินทางแทนคำว่า โอเต็ล มีครั้งแรกในพ.ศ.2478พร้อมกับการออกพระราชบัญัติโรงแรมฉบับแรกขึ้นปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรมที่พักแรมเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สนองตอบความต้องการพื้นฐานของนักท่องเที่ยวในการพักผ่อนหลับนอนระหว่างการเดินทางไกลจากบ้าน การเสนอบริการที่พักแรมโดยทั่วไปจึงต้องคำนึงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญได้แก่

• ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก

• ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก

• ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและสนองต่อความต้องการของผู้พักกลุ่มต่าง

• ความเป็นส่วนตัว

• บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม

• ภาพลักษณ์ของกิจการ และอื่นๆ

ประเภทที่พักแรม

บริการที่พักแรมในปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของนักเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งยังคงเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ประเภทที่พักแรมสามารถจำแนกเป็น 2 กลุ่มสำคัญได้แก่

1.โรงแรม(hotel)เป็นที่พักแรมที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวทั่วไป โรงแรมมาตรฐานสากลจะมีรูปแบบการดำเนินการบริการที่เป็นแบบแผน ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้ใช้บริการในพระราชบัญญัติโรงแรม ฉบับปี พ.ศ.2547ได้ระบุข้อความว่า
"โรงแรม" หมายความว่า สถานที่พักที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง หรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ทั้งนี้ไม่รวมถึง• สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการ• สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการที่พักอาศัยโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น• สถานที่พักอื่นใดตามที่กำหนดในกฏกระทรวง1.1เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม




โรงแรมมีอยู่มากมายทั่วโลกสามารถจำแนกประเภทได้โดยใช้เกณฑ์ด้านต่างๆดังนี้
  • ด้านที่ตั้ง(location)
  • ด้านขนาด(size)• ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก(purpose of visit)
  • ด้านราคา(price/rate)
  • ด้านระดับการบริการ(service level)
  • ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์(classification/grading)การใช้สัญลักษณ์สื่อถึงระดับมาตรฐานกิจการได้รับความนิยมทั่วไป เครื่องหมายสัญลักษณ์ที่กลายเป็นที่รู้จักในสากลคือ ดาว(1-5ดวง)
  • ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหารแบ่งได้2กลุ่มใหญ่คือ


1). โรงแรมอิสระ(independent hotels)เป็นโรงแรมที่เจ้าของกิจการดำเนินการเอง ตามนโยบายและวิธีการที่กำหนดขึ้นเองอย่างอิสระ มีอำนาจในการบริหารโดยสมบูรณืทำให้คล่องตัวในการจัดการ


2). โรมแรมจัดการแบบกลุ่ม/เครือหรือเชน(chain hotels)หมายถึงโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการแบบกลุ่มมักมีการใช้ชื่อประกอบการที่แสดงความเป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกันโดยมีสำนักงานส่วนกลางควบคุมด้านนโยบาย วางระบบการบริหารจัดการให้เป็นไปในทางเดียวกัน มีข้อตกลงตามสัญญาในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน


2. ที่พักนักท่องเที่ยว

  • บ้านพักเยาวชน

  • ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด

  • ที่พักริมทางหลวง

  • ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก

  • เกสต์เฮ้าส์

  • อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว

  • ที่พักกลางแจ้ง

  • โอมสเตย์
แผนกงานในโรงแรม


โรงแรมมีแบบแผนการดำเนินการที่เป็นรูปแบบเฉพาะแบ่งเป็นแผนกงานสำคัญได้ดังนี้

  • แผนกงานส่วนหน้า(front office)เป็นศุนย์กลางการติดต่อระหว่างโรงแรมและแขกผู้พักรับผิดชอบการรับจองห้องพัก การต้อนรับ ลงทะเบียน บริการข้อมูล ขนย้ายสัมภาระ และรับชำระค่าใช้จ่าย

  • แผนกงานแม่บ้าน(housekeeping)รับผิดชอบการจัดเตรียมห้องพักแขก การทำความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆการซักรีดการจัดดอกไม้ตกแต่งสถานที่

  • แผนกอาหารและเครื่องดื่ม(food&beverage)รับผิดชอบกระบวนการผลิต/ประกอบ/ปรุงอาหารและการบริการอาหาร-เครื่องดื่มในพื้นที่ต่างๆรวมถึงการจัดเลี้ยง

  • แผนกขายและการตลาด(sales&marketing)รับผิดชอบวางแผนตลาดและควบคุมการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเพื่อสร้ารายได้แก่ธุรกิจ

  • แผนกบัญชีและการเงิน(accounting)ดูแลจัดทำบัญชีและควบคุมการเงินของโรงแรม

  • แผนกทรัพยากรมนุษย์(human resources)ในบางกิจการขนาดเล็กจะเป็นแผนกบุคคลรูปแบบการจัดห้องพักมาตรฐานโรงแรมทั่วไป

    ประเภทห้องพัก
  • Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว ในต่างประเทศจะเป็นห้องพักเตียงเดี่ยว
  • Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด ประกอบเตี่ยงเดี่ยว 2 เตียงตั้งเป็นคู่วางแยกกัน
  • Doubleห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดียวขนาดใหญ่ สำหรับนอนได้2คนบางครั้งให้บริการแก่ผู้พักที่มาคนเดียวเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
  • Suite ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ 2ห้องขึ้นไปโดยกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น ในโรงแรมมาตรฐานชั้นดีตามแบบสากลมักมีห้องชุดที่ตกแต่งสวยงาม บริการในอัตราราคาสูง

บทที่5 การคมนาคมขนส่ง (transportation)

ความหมายการคมนาคมขนส่ง หมายถึง กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายคน สัตว์ สิ่งของ จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยอาศัยสื่อกลางต่าง ๆ ภายใต้ และราคาที่ได้ตกลงกันไว้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การคมนาคมขนส่งจะต้อง
  • เป็นกิจกรรมที่ต้องมีการขนส่ง (คน สัตว์ สิ่งของ)จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
  • การขนส่งนั้นต้องอาศัยอุปกรณ์ต่างๆ
  • การขนส่งนั้นต้องเป็นไปตามความต้องการของผู้ที่ต้องการใช้บริการ
พัฒนาการขนส่งทางบก
ประวัติการขนส่งทางบก เริ่มขึ้นในสมัย 200ปีก่อนคริสตกาล หรือยุคบาบิลินซึ่งใช้คนลากรถสองล้อไปบนถนน ก่อนที่จะนำสัตว์เช่น วัว ลา มาช่วยลากรถสองล้อในยุคอียิปต์และกรีก จนกระทั่งในยุคโรมันจึงได้มการพัฒนาการขนส่งจากรถลากสองล้อมาเป็นรถสี่ล้อที่ใช้ม้าลาก
พัฒนาการขนส่งทางน้ำ
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ทำให้เราทราบว่า การขนส่งทางน้ำเป็นการขนส่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีการพัฒนาแพขึ้นมาจากท่อนไม้ และต่อมานำต้นไม้ทั้งต้นมาขุด เจาะเป็นลำเรือดังหลักฐานที่พบได้มากจากเรือรุ่นแรกที่ขุดพบในประเทศอียิปต์เมื่อประมาณ 5000 ปีที่แล้ว โดยมีรูปร่างคล้ายตะกร้าลอยน้ำขนาดใหญ่ที่อุดชันด้วยยางไม้ธรรมชาติหลังจากนั้นได้มีการพัฒนาขึ้นโดยนำเอาหนังสัตว์ขนาดต่าง ๆ มาขึงโครงไม้ทำเป็นเรือที่เรียกว่าเรืองหนังสัตว์(coracles)

พัฒนาการขนส่งทางอากาศ
อาจจะกล่าวได้ว่าหลังจากปีค.ศ.1903ซึ่งเป็นปีที่สองพี่น้องตะกูลwrightได้คิดค้นและประดิษฐ์เครื่องบินขึ้นเป็นครั้งแรก ก็ได้มีความพยายามพัฒนารูปแบบและเครื่องยนต์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังจะเห็นได้จากได้มีการผลิตเครื่องบินออกมาใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่1ประเภทของธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยวอาจจะกล่าวได้ว่าธุรกิจการคมนาคมขนส่งเพื่อการท่องเที่ยว สามารถแบ่งแยกออกได้เป็น 3ประเภทเช่นกัน ได้แก่

1. ธุรกิจการขนส่งทางบก
การคมนาคมขนส่งทางบกจัดว่าเป็นรูปแบบการเดินทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่งมากโดยเฉพาะการเดินทางโดยรถยนต์เนื่องจากความสะดวก คล่องตัวและประหยัด
1.1การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟในประเทศไทยนั้นการเดินทางด้วยรถไฟยังไม่ค่อยนิยมมากนัก เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับทางรถยนต์แล้วมีราคาค่อนข้างแพง

1.2การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวการเดินทางท่องเที่ยวทางรถยนตร์ได้รับความนิยมมากจงบจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้เนื่องจากเหตุผลหลักต่อไปนี้เช่นการประหยัด สะดวก รวดเร็วและคล่องตัว
1.3การท่องเที่ยวโดยรถเช่าการเดินทางท่องเที่ยวทางถนนนอกจากจะเกี่ยวข้องกับรถยนต์กับรถยนตร์ส่วนบุคคลแล้วยังครอบคลุมถึงการเดินทางท่องเที่ยวโดยรถเช่าและรถตู้เพื่อนันทนาการ

1.4ธุรกิจเช่ารถจะแบ่งได้2ประเภทใหญ่

  • บริษัทเช่ารถระหว่างประเทศขนาดใหญ่
  • บริษัทรถเช่าขนาดเล็กอิสระ

1.5รถตู้เพื่อนันทนาการในรถตู้ปัจจุบันเพื่อนันทนาการนับเป็นยานพาหนะที่สำคัญอีกประเภทหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้เดินทาง โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาและยุโรป
1.6รถการท่องเที่ยวรถโดยสารมีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยรถม้าโดยสาร และปรับปรุงจนเป็นรถโดยสารที่ใช้เครื่องยนตร์หลังจากได้มีการประดิษฐ์คิดค้นเครื่องยนต์ขึ้นมาสามารถแบ่งออกได้2ประเภท


  • รถโดยสารประจำทาง คือให้บริการจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งตามตารางเดินรถที่แน่นอน
  • รถโดยสารไม่ประจำทางหรือรถเช่าเหมา เพื่อการท่องเที่ยว การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางได้ลดลงกว่าในอดีต

2. ธุรกิจการขนส่งทางน้ำ
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เรือถูกใช้เป็นพาหนะการเดินทางสำรวจดินแดนเพื่อการค้ามานานกว่าพันปีนอกจากนี้เรือยังถูกใช้เป็นพาหระคมนาคมขนส่งระหว่างเมืองท่าต่าง ๆ ในค.ศ. 1838 แซมมวล คิวนาร์ด เจ้าของบริษัทเดินเรือได้ริเริ่มเส้นทางเดินเรือกลไฟประจำทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติระหว่างเมืองลิเวอร์พลู
2.1เรือเดินทะเล (ocean-lines)เป็นเรือคมนาคมขนส่งจากเมืองท่าหนึ่งไปอีกเมืองท่าหนึ่งปัจจุบันความนิยมในการคมนาคมขนส่งโดยเรือแบบนี้ได้ลดน้อยลงไปแล้ว

2.2เรื่อสำราญ (cruise ships/lines)ในยุคแรกระหว่างปีค.ศ.1960-1970เรือสำราญมีขนาดระหว่าง18000-22000ตันทำการขนส่งผู้โดยสารประมาณ650-850คนเทคโนโลยีทางทะเลช่วยให้สามารถสร้างเรือสำราญให้ใหญ่กว่าเดิมได้หากมีความต้องการเรือสำราญคล้ายโรงแรมลอยน้ำ คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีบริการที่ประทับใจ ได้แก่ ห้องพักหลายประเภทตั่งแต่ห้องพักธรรมดาจนถึงหรูหรามีห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยง จัดอาหารทุกมื้อและมีหลายชนิด มีการบันเทิง เช่นดนตรี การแสดงกิจกรรมเป็นต้น

2.3เรือข้ามฟาก(ferry) เป็นเรือสำหรับการเดินทางระยะสั้นๆซึ่งสามารถบันทุกผู้โดยสาร รถยนต์ รถโดยสาร หรือบางครั้งรถไฟ

2.4เรือใบและเรือยอร์ช (sail cruise and yacht) ในอดีตจะมีเพียงผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถซื้อเรือยอร์ชหรือเรือใบไว้ท่องเที่ยว

2.5เรือบรรทุกสินค้า(cargo lines) นักท่องเที่ยวบางกลุ่มชอบที่จะท่องเที่ยวไปกับเรือบรรทุกสินค้าที่ไม่รีบเร่งและจอดตามเมืองท่าต่างๆ ทั่วโลก โดยทั่วไปเรือบรรทุกสินค้าสามารถรับผู้โดยสารได้ประมาณ12 คน

3. ธุรกิจการขนส่งทางอากาศ (air transportation)

สงครามโลกครั้งที่2ก่อให้เกิดผมดีในระยะยาวต่อการเติบโดตของธุรกิจการบินพาณิชย์ เช่นเทคโนโลยีการบินด้วยความเร็ว ประสิทธิภาพของเชื้อเพลิงที่คิดค้นขึ้นในช่วงสงคราม การพัฒนาลำตัวเครื่องบินให้กว้างขวางขึ้น ความรู้เรื่องอากาส และการปรับปรุงแผนที่ทางอากาศ การฝึกฝนนักบินโดยใช้เครื่องบินที่เหลือจากสงครามจำนวนมาก ตลอดจนการพัฒนาเครื่องบินไอพ่น(jet aircraft)ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศได้เป็นอย่างดีการเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศแบ่งออกเป็น3ประเภทใหญ่คือ

3.1การบินลักษณะเที่ยวบินประจำ(scheduled air service)เป็นการบินระหว่างเมืองต่อเมืองโดยมีคารางการบินที่แน่นอน การบินประเภทนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยคือ
  • เที่ยวบินประจำภายในประเทศ (domestic flight)
  • เที่ยวบินประจำระหว่างประเทศ (international flight)
3.2การบินลักษณะเที่ยวบินไม่ประจำ (non-scheduled air service)เป็นการบินที่จัดเสริมในตาราง และสามารถแวะรับส่งผู้โดยสารทั่วไปโดยไม่ต้องเป็นกลุ่มเดิมได้ จึงได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
3.3การบินลักษณะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (chartered air service)เป็นการบินที่ให้บริการแก่กลุ่มสมาชิกสมาคมหรือองค์การ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยว รับ-ส่งผู้โดยสารเฉพาะกลุ่มเดิมได้เท่านั้นราคาค่าโดยสารถูกกว่าราคาเที่ยวบินของสายการบินปกติ

บทที่4 องค์ประกอบสำคัญของอุตสาหกรรมการทอ่งเที่ยว

เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ และรวมเอาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับหลายปะเภทเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งเราอาจแบ่งประเภทธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวออกเป็น 2 ประเภทคือ
ธุรกิจที่จัดว่าเป็นองค์ประกอบหัก และธุรกิจที่จัดว่าเป็นองค์ประกอบเสริมดังที่กล่าวไปแล้วในบทที่ 1 ในบทนี้จะศึกาเรื่องขององค์ประกอบหลักประเภทแรกคือ แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวจัดเป็นปัจจัยที่สำคัญประการหนึ่งที่มีช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในประเทศ หากลองคิดดูง่าย ๆ ว่าถ้านักศึกษาจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่จังหวัดชลบุรี นักศึกาจะไปที่ไหน แน่นนอนว่า คำตอบส่วนใหญ่คือ ทะเล ดั้งนั้น
หากไร้ซึ่งการท่องเที่ยวแล้ว คงไม่มีนักท่องเที่ยวอยากเดินทางเข้ามายังประเทศนั้น ๆ มีคำจำกัดความ 3 คำ ที่จำเป็นในการศึกษาแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่
1. ทรัพยากรทางการท่องเที่ยว(tourism resources)
2. จุดหมายปลายทาง(destination)
3. สิ่งดึงดูดใจทางการท่องเที่ยว(tourist attraction)


ประเภทของแหล่งท่องเที่ยว
อาจจะแบ่งแหล่งท่องเที่ยวได้ด้วยลักษณะเฉพาะทางต่างๆ ได้แก่
1. ขอบเขต(scope)
2. ความเป็นเจ้าของ(ownership)
3. ความถาวรคงทน(permanency)
4. ศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวDrawing power)

ขอบเขต
อาจแบ่งแหล่งท่องเที่ยวเป็น 2 ประเภทตามขอบเขตได้แก่ จุดหมายหลัก คือสถานที่ต้องน่าดึงดูด
ใจสำหรับนักท่องเที่ยวที่ทำให้วกเขาเหล่านั้นมุ่งตรงไปยังสถานที่นั้น
จุดหมายรองคือ สถานที่แวะพัก หรือเยี่ยมชมระหว่างการเดินทางไปยังจุดหมายหลัก ส่วนมากเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ความเป็นเจ้าของ
แหล่งท่องเที่ยวทั้งที่เป็นสถานที่ทางธรรมชาตและมนุษย์สร้างขึ้น อาจจัดแบ่งได้ตามความเป็นเจ้าของ ซึ่งทำให้ทราบว่าแหล่งเงินสนับสนุนมาจากที่ไหน หรือรายได้ต่าง ๆ ตกอยู่ที่ใคร ต้องเสียภาษีเท่าไร เหมือนการขายสินค้าประเภทอื่น ๆ ผู้ที่จัดว่าเป็นเจ้าของแหล่งทอ่งเที่ยวได้แก่
1. รัฐบาล
2. องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร
3. เอกชน

ความถาวรคงทน
คือแบ่งตามอายุของแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่เป็นสถานที่ อาจจะมีความคงทนถาวรกว่าประเภทที่เป็นงานเทศกาลหรือกิจกรรมต่าง ๆ เพราะงานเทศกาลมักจะมีช่วงเวลาของการดำเนินงาน
ศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งจะสนองความต้องการ หรือจุดประสงค์ของนักท่องเที่ยวต่างกันไป อย่างไรก็ดี แหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงได้รับความนิยมอาจจะมีลักษณะที่เป็น แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ สภาพภูมิอากาศ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ชุมชน และการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว

การทอ่งเที่ยวแห่งประเทศไทยได้แบ่งแหล่งท่องเที่ยวออกเป็น 3 ประเภท
1. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ
2. แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์
3. แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และกิจกรรมของคนในท้องถิ่น
แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ
หมายถึง สถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทั้งดานชีวภาพ และกายภาพ รวมทั้งบริเวณที่มนุษย์เข้าไปปรับปรุงแต่งเพิ่มเติมจากสภาพธรรมชาติในบางส่วน ซึ่งทรัพยากรประเภทนี้ไม่มีต้นทุนการผลิตแต่มีต้นทุนในด้านการดูแลรักษา

แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น
คือสถานที่ที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างและอายุรวมทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นทรัพยากรที่มีค่าทางการท่องเที่ยว
สำหรับโบราณสถานที่มีในประเทศไทยนั้นกรมศิลปากรได้แบ่งโบราณสถานออกเป็น 7ประเภทได้แก่
1. โบราณสถานสัญลักษณ์แห่งชาติ
2. อนุสาวรีย์แห่งชาติ
3. อาคารสถาปัตยกรรมแห่งชาติ
4. ย่านประวัติศาสตร์
5. อุทยานประวัติศาสตร์แห่งชาติ
6. นครปะวัติศาสตร์แห่งชาติ
7. ซากโบราณสถานและแหล่งโบราณคดีประวัติศาสตร์แห่งชาติ

แหล่งท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย
ภาคกลาง
ประกอบไปด้วย 21 จังหวัดและ1เขตการปกครองพิเศษ ได้แก่จังหวัด กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพรชบุรี ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง ส่วนกรุงเทพมหานครไม่นับว่าเป็นจังหวัด



ภาคเหนือ
ประกอบไปด้วย 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด กำแพงเพรช เชียงรายเชียงใหม่ นครสววร์ ตาก น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก เพรชบูรณ์ แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุขโขทัย อุตรดิตถ์ และอุทัยธานีมีพื้นที่รวม 169644.3 ตารางกิโลเมตหรือประมาณ 106 ล้านไร่


ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคอีสานประกอบด้วย 19จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองคาย หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานีมีพื้นที่ประมาณ 170226ตารางกิโลเมตร หรือ1ใน 3 ของพื้นที่ทั้งประเทศ



ภาคตะวันออก
ประกอบด้วย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัด จันทบุรี ชลบุรี ตราด และระยอง

ภาคใต้

ประกอบด้วย14จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช บาราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สงขลา สตูล และสุราษฤร์ธานีพื้นที่ภาคใต้ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินเดียขนาบด้วยท้องทะเลอ่าวไทยทางฝั่งตะวันออก และทะเล อันดามันทางฝั่งตะวันตกมีเนื้อที่รวม707152ตารางกิโลเมตรจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดคือสุราษฏร์ธานี และจังหวัดที่เล็กที่สุดคือภูเก็ตมีความยาวจากเหนือจดใต้ประมาณ 750 กิโลเมตร

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 3ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางนักท่องเที่ยว

แรงจูงใจ
แรงจูงใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวกำหนดบุคลิกภาพของบุคคลแรงจูงใจด้านการท่องเที่ยว หรือแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว หมายถึง เครือข่าย (Network) ทั้งหมดของพลังทางวัฒนธรรมและพลังทางชีววิทยา ซึ่งเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางการท่องเที่ยว
1.ทฤษฎีลำดับขั้นแห่งความต้องการจำเป็น(Hierarchy of needs)
ทฤษฎีแรงจูงใจของ Maslow กล่าวว่ามนุษย์เป็นสัตว์ที่มีความต้องการ และมนุษย์จะแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ เพื่อที่จะสนองตอบความต้องการและความต้องการจำเป็นต่าง ๆ ความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันจบสิ้น
ลำดับขั้นความต้องการของความจำเป็นของ Maslow







2.ทฤษฎีขั้นบันไดแห่งการเดินทาง(Travel Career Ladder)
ผู้นำเสนอทฤษฎีนี้คือ Philip Pearec



  • ความต้องการที่จะได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุด
  • ความต้องการความปลอดภัยมั่นคง
  • ความต้องการสร้างสัมพัธภาพ
  • ความต้องการความภาคภูมิใจและการพัฒนาตนเอง
  • ความต้องการที่จะได้ความพึงพอใจอย่างสูงสุด

3.แรงจูงใจวาระซ่อนเร้น(Hidden Agenda) ของ Crompton มี 7 ประเภทดังนี้

  • การหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมที่จำเจ
  • การสำรวจและการประเมินตนเอง
  • การพักผ่อน
  • ความต้องการเกียรติภูมิ
  • ความต้องการที่จะถอยกลับไปสู่สภาพดั้งเดิม
  • กระชับความสัมพันธ์ทางเครือญาติ
  • การเสริมสร้างการปะทะสังสรรค์ทางสังคม

4.แรงจูงใจในทางการท่องเที่ยวในทัศนะ ของ Swarbrooke

แรงจูงใจสำคัญ ๆ ที่ทำให้คนเดินทางจำแนกได้ 6 ชนิด คือ

  • แรงจูงใจในทางสรีระหรือทางกายภาพ(Physical)
  • แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม คือ การสนใจในวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ ทำให้เกิดการท่องเที่ยวเพื่อชมบ้านเมือง
  • การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง(Emotional) นักท่องเที่ยวที่มีแรงจูงใจประเภท นี้เรียกว่า แรงจูงใจทางด้านการถวิลหาอดีต
  • การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาสถานภาพ(Status)
  • แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง(Personal development)
  • แรงจูงใจส่วนบุคคล(Personal)
ในหนังสือเรื่องconsumer behavior in tourismของjohn swarbookeซึ่งตีพิมพ์ในปีค.ศ.1999swarbooke จำแนกแรงจูงใจสำคัญๆที่ทำให้คนเดินทางออกเป็น 6ชนิด ด้วยกันที่แสดงอยู่ในแผนภูมิที่3แรงจูงใจเหล่านี้ได้แก่
1. แรงจูงใจทางด้านสรีระหรือทางกายภาพ(physical)
2. แรงจูงใจทางด้านวัฒนธรรม
3. การท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองอารมณ์ควารู้สึกบางอย่าง

4. การท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาเพื่อสถานภาพ
5. แรงจูงใจในการพัฒนาตนเอง
6. แรงจูงใจส่วนบุคคล


จากแนวคิดเกี่ยวกับแรงจูงใจในทัศนะของนักวิชาการด้านแรงจูงใจทั้ง4คนที่ได้กล่าวมาแล้วสามารถสรุปได้ว่า ในการที่นักท่องเที่ยวจะเลือกแหล่งที่ท่องเที่ยวแห่งใดแห่งหนึ่งไม่ได้เกิดจากแรงจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่การตัดสินใจที่จะไปท่องเที่ยวมักจะเกิดจากแรงจูงใจหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันเช่น การที่คู่สมรสชาวฮ่องกงผู้หนึ่งตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย

แนวโน้มของแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว
Pearce Morrison และRutledge (1998) ได้นำเสนอแรงจูงใจของนักท่องเที่ยว 10 ประการดังต่อไปนี้
1. แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่วแวดล้อม

2. แรงจูงใจที่ได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
3. แรงจูงใจที่จะที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
4. แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว
5. แรงจูงใจที่จะพักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
6. แรงจูงใจที่จะที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
7. แรงจูงใจที่จะมีสุขภาพดี
8. แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
9. แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
10. แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง

ตัวอย่างการวิจัยที่ใช้วิธีการศึกษาจากกลุ่มเป้าหมาย
นักเดินทางประเภทแบกเป้นักเดินทางแบบนี้กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆในออสเตรเลีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และนิวซีแลนด์ แรงจูงใจที่ทำให้เกิดการเดินทางลักษณะแบบนี้อาจจะสรุปได้เป็น 4 มิติด้วยกันดังต่อไปนี้
1. การหลีกหนี(escape)

2. การมุ่งเน้นในเรื่องสิ่วแวดล้อม
3. การทำงาน(employment)
4. เน้นการคบหาสมาคม(social focus)น

โครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
โครงสร้างพื้นฐานในอุคสาหกรรมการท่องเที่ยว หมายถึง องค์ประกอบพื้นฐานในการรองรับการท่องเที่ยวทั้งระบบ ถือเป็นส่วนการสนับสนุนให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินงานไปได้ด้วยดี และทำให้เกิดความสะดวกสบายรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการ










วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยว



เกาะยาวน้อย

อ.เกาะยาว จ.พังงา
เกาะยาวน้อยมีฐานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพังงา เหมาะแก่การพักผ่อน และยังเป็นเกาะที่สามารถเดินทางออกไปท่องเที่ยว ยังเกาะแก่งใหญ่น้อย รอบด้าน .. ไม่ว่าเป็นอ่าวพังงา ( เกาะปันหยี เขาพิงกัน .. ) ยังสามารถเดินทางไป เกาะไข่ที่เป็นที่ขึ้น ชื่อของหาดทรายขาว มีปลาเล็กใหญ่ หรือดูปะการัง ก็ได้อาจจะ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์อีกที่ หนึ่งของทะเล อันดามัน , หรือไม่ก็ไป เกาะห้อง จ.กระบี่ก็ได้เช่นกัน เกาะยาวน้อย อยู่ใจกลางระหว่าง จ.พังงา , จ.ภูเก็ต , จ.กระบี่ ค่ะ
ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะก็มีมากมาย มีทั้ง หาดป่าทราย , หาดท่าเขา ,วิถีชีวิตชุมชน และอีกหลาย ๆ อย่างที่รอ ท่านไปสัมผัส ค่ะ

>> การเดินทาง : สามารถเดินทางไปลงเรือที่ท่าเทียบเรือบางโรง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หรือไม่ ก็ท่าเทียบเรือ ท่าเลน จ.กระบี่ และท่าเรือ ท่าด่าน จ.พังงา มีเรือโดยสารและเรือเหมา ให้บริการทั้งวัน ค่ะ
>> ที่พัก : ที่พักที่เกาะยาวน้อยมีให้ท่านเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โฮมสเตย์ , รีสอร์ท , โรงแรม

ราคาก็สบายกระเป๋า เริ่มต้น หลักร้อย -หลักแสน สำหรับราคาที่พัก




อ้างอิง

บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2













นักท่องเที่ยวชาวกรีก มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 2300 ปีมาแล้ว นักท่องเที่ยวชาวกรีกนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากกรีกมีการปกครองแบบนครรัฐ เป็นอิสระต่อกันจึงไม่มีอำนาจปกครองส่วนกลางที่จะสั่งการสร้างถนน นักท่องเที่ยวส่วนมากจึง เดินทางทางเรือ
ชาวโรมันก็มีการเดินทางอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวดรมันนิยมเดินทางไปพักร้อนยังบ้านพักร้อนบนภูเขา ชาวโรมันมีอำนาจในการซื้อมากและเป็นนักล่าของที่ระลึกชาติแรก ๆ ของโลก :: วัฒนธรรมของจักวรรดิโรมันทำให้เกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบมหาชน (Mass tourism) ยุคนั้น กรีก โรมันนิยมเดินทางไปชมความสำเร็จทางศิลปวิทยาการชาวกรีก * อาณาจักรโรมันล่มสลายลงใน ค.ศ. 476 หรือในตอนกลางคริสตศตววษที่ 5 ทวีปยุโรปเข้าสู่ยุคกลาง (The Middle Age)หรือยุคมืด (Dark Age)


มัคคุเทศก์และคู่มื่อนักท่องเที่ยวยุคต้น ๆ
ที่เราทราบ มัคคุเทศก์ในสมัยนั้นมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่และเรื่องราวต่าง ๆ ไม่เท่าเทียมกันมีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านคุณภาพของข้อมูล และมัคคุเทศก์สมัยก่อนคริสตกาล เราอาจจะแบ่งได้เป็น 2 พวก พวกแรก Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่ง เรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินตราค่าตอบแทน
หนังสือคู่มือนำเที่ยว ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งคลอบคลุมแห่งท่องเที่ยว กรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย :: ชาวโรมันโบราณมีการเขียนหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว ซึ่งเรียกว่า Itineraria จะประกอบด้วยรายชื่อของที่พักพร้อมทั้งสัญลักษณ์ ที่บอกเกรดของที่พักเหล่านั้น
การท่องเที่ยวในยุคกลาง


ยุคกลางคือช่วงระหว่าง ค.ศ.500-1500 ช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน ยุคกลางเราเรียกว่า ยุคมืดช่วงเวลานี้ ถนนถูกปล่อยให้ทรุดโทรม เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ผู้คนเดินทางกันในระยะสั้น ๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านนัก :: คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางไปเพื่อแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นสำหรับผู้ที่เคร่งศาสนา
ปัญหาที่นักเดินทางยุคกลางต้องเผชิญคือโจรผูู้ร้าย ที่ค่อยปล้นนักเดินทางในสมัยนั้น



ผลของการเดินทางเพื่อจารึกแสวงบุญมีอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน
>มีเป้าหมายในการเดินทางที่ชัดเจน .. (การแสวงบุญ)
>ผลของการเดินทางมีความสำคัญและมีความหมายด้านจิตใจ
>ผู้เดินทางต้องการให้คนอื่นเห็นความสำเร็จในการเดินทาง



การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 19

คนที่ต้องการที่จะเดินทางมีวิธีที่ทำได้ 3 วิธี คือ เดินเท้า , การขี่ม้า สุดท้ายใช้เสลี่ยงโดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบก ในศตวรรษที่ 18 มีระบบทางด่วนผู้โดยสารที่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเกิดขึ้น

>แกรนด์ทัวร์ ( Grand Tour): การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ (การศึกษา)

>การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทอาบน้ำแร่ (Spa) : การอาบน้ำแร่เป็นที่รู้จักกันในยุคโรมันเชื่อกันว่าน้ำแร่มีคุณสมบัติทางยา ความนิยมการอาบน้ำแร่เพื่อการบำบัดเป็นที่นิยมใหม่ในประเทสอังกฤษ และเมืองใหญ่ ๆ บางแห่ง ต่อมา ช่วงสตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 เป็นที่นิยมในชนชั้นกษัตริย์ลงมาที่ ชนชั้นสูง ทำให้เมือง Bath กลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่น ชั้งสูง Bath กลายเป็นเมืองหรู เปลี่ยนโฉมจากบ่อน้ำแร่เป็นเมืองพักตากอากาศ

>กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาสชายทะเล : การอาบน้ำทะเลเพิ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ การอาบน้ำทะเลในสมัยนั้น ผู้อาบน้ำทะเลจะอาบทั้งเสื้อผ้า .. ความนิยมในการรับการบำบัดด้วยน้ำทะเลซึ่งเป็นผลมาจากผู้คนมีความป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่เมื่อถึงต้นสตวรรษที่ 19 ความสะดวกในการเดินทางก็มีมากขึ้นทำให้การท่องเที่ยวมีมากขึ้นเนื่องจากเกิดการเดินทางด้วยเรือกลไฟ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง แต่เมื่อความนิยมมีมากขึ้นก็ทำให้มีบริการเรือสำราญอื่น ๆ

>ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในศตรรษที่ 19 : มีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมการเดินทาง เราอาจจะเป็นปัจจัยเหล่านี้ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง และปัจจัยดึงดูดให้คนเดินทาง .. การเกิดชุมชนเมืองอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรในศตวรรษที่ 19 เป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดการเดินทาง .. การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ ก็ก่อให้เกิดตลาดการเดินทางทางธุรกิจขนาดใหญ่ สรุปคือประเทสอังกฤษในตอนต้นศตวรรษที่ 19 อยู่ในช่วงที่เริ่มเกิดความต้องการทางด้านการเดินทาง ประกอบกับการเกิดระบบการขนส่งสมัยใหม่ทำให้ความต้องการที่จะเดินทางกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้


>ยุคของเครื่องจักรไอน้ำ , กำเนิดการเดินทางทางรถไฟ : การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสองประการในต้นศตวรรษที่19ได้มีผลอย่างสำคัญต่อการขนส่งและการเดินทางโดยทั่วไป การพัฒนาทางเทคโนโลยีประการแรกคือ การสร้างพาหนะประเภทรถไฟ .. ทางรถไฟสายแรกถูกสร้างขึ้นในประเทศอังกฤษในปี ค.ศ.1825 นับได้ว่าเป็นการจุดประกายการเดินทาง
Thomas Cook ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ริเริ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะเริ่มแรก
Thomas Cook เป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว เขามีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับบรรดาโรงแรมรถไฟ และบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือต่าง ๆ ทั่วโลก .. การเดินทางรถไฟมีการขยายตัวมากขึ้นพร้อม ๆ กับความนิยมในการเดินทางกับรถม้าลดน้อยลง ยุคของการสร้างโรงแรมจึงเกิดขึ้น โดยมีเจ้าของบริษัทรถไฟเป็นผู้นำ ทำให้เกิดโรงแรมตามสถานีรถไฟ


>เรือกลไฟ : ขณะที่รถไฟทำให้เกิดการเดินทางภาคพื้นดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ทำให้เกิดการพัฒนาเรือกลไฟเพื่อการเดินทางทางน้ำ การพัฒนาทางด้านการค้ากับทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทวีปอเมริกาเหนือทำให้ประเทสอังกฤษต้องพัฒนาการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ ที่เร็วขึ้นและเชื่อใจได้มากยิ่งขึ้น ( ประเทศอังกฤษเป็นประเทสแรกที่เปิดให้บริการเรือน้ำลึก )


>การท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 20 : ในช่วงนี้การท่องเที่ยวยังคงมีการขยายตัว เพราะความมั่งคั่งของผู้คน ความอยากรู้ อยากเห็น และทัศนคติที่กล้าแสดงออกมากขึ้น .. รูปแบบของการเดินทางเปลี่ยนไป ความนิยมในการเดินทางด้วยรถไฟลดลงเพราะผุ้คนนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ..การกำเนิดอุตสาหกรรมการบินในระยะแรกเป็นสัญญานบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของการบริการทางรถไฟและเรือกลไฟ การบินเพื่อการพาริชย์ได้เริ่มเป็นครั้งแรกในปี 1919 ในทวีปยุโรป .. การบินในระยะแรกมักเป็นการขนส่งจดหมายและไปรษณีย์ภัณฑ์มากกว่า การขนส่งผู้โดยสารจนกระทั่งหลังส่งครามโลกครั้งที่ 2 ที่เครื่องบินได้รับการพัฒนามากและดีพอที่จะทำการขนส่งผู้โดยสารเป็นพาณิชย์และเป็นการบินระหว่างประเทศ


>การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 : ความสนใจของผู้คนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ .. การเดินทางทางอากาศมีขยายตัวอย่ารวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้ค่าโดยสารจะค่อนข้างแพงก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยวิธีการอื่นการเดินทางเครื่องบินก็นับว่ายังไม่แพง