หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

บทที่ 6 ที่พักแรม





ความเป็นมา

ธุรกิจที่พักแรมในสากล/ต่างประเทศที่พักแรมมีมาแต่ยุคโบราณ ย้อนหลังไปถึงยุคอารยธรรมกรีกและโรมัน เกิดขึ้นสนองความต้องการที่พักของนักเดินทางที่ไม่สามารถไปกลับได้ในวันเดียว ปริมาณการเดินทางในอดีตมีไม่มาก ที่พักส่วนใหญ่ขยายตัวไปตามความเจริญทางสังคม






โรงแรม(Hotel)

เป็นธุรกิจที่พักแรมที่สำคัญในปัจจุบัน คำเรียกที่พักว่าhotelนี้เดิมมาจากภาษาฝรั่งเศสและมาปรากฏใช้เรียกธุรกิจประกอบการที่พักแรมในอังกฤษและอเมริกาในศตวรรษที่18และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวกลุ่มหรือเชน(chain)โรงแรมที่สำคัญ ได้แก่ intercontinental holiday inn Marriott Sofitel Hilton Conrad Sheraton Hyatt le meridianเป้นต้น



ธุรกิจที่พักแรมในประเทศไทย

ธุรกิจที่พักแรมสำหรับบริการนักเดินทางต่างชาติในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในสมัยรัชกาลที่ 4 มีชาวตะวันตกเข้ามาจำนวนมาก มีการลงประกาศข่าวในหนังสือพิมพ์ยุคนั้นเกี่ยวกับธุรกิจที่พักแรมประเภทบอร์ดดิ้งเฮ้าส์

กิจการโฮเต็ล หรือโรงแรมที่สำคัญในอดีตได้แก่

1. โอเรียนเต็ลโฮเต็ล

2. โอเต็ลหัวหิน

3. โอเต็ลวังพญาไท

4. โรงแรมรัตนโกสินทร์การใช้คำว่าโรงแรมเรียกกิจการที่พักคนเดินทางแทนคำว่า โอเต็ล มีครั้งแรกในพ.ศ.2478พร้อมกับการออกพระราชบัญัติโรงแรมฉบับแรกขึ้นปัจจัยพื้นฐานในการบริการที่พักแรมที่พักแรมเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สนองตอบความต้องการพื้นฐานของนักท่องเที่ยวในการพักผ่อนหลับนอนระหว่างการเดินทางไกลจากบ้าน การเสนอบริการที่พักแรมโดยทั่วไปจึงต้องคำนึงปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญได้แก่

• ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้พัก

• ความสะอาดและสุขอนามัยในสถานที่พัก

• ความสะดวกสบายจากบริการสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายและสนองต่อความต้องการของผู้พักกลุ่มต่าง

• ความเป็นส่วนตัว

• บรรยากาศการตกแต่งที่สวยงาม

• ภาพลักษณ์ของกิจการ และอื่นๆ

ประเภทที่พักแรม

บริการที่พักแรมในปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายสอดคล้องกับความต้องการของนักเดินทางท่องเที่ยวที่หลากหลายซึ่งยังคงเพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ประเภทที่พักแรมสามารถจำแนกเป็น 2 กลุ่มสำคัญได้แก่

1.โรงแรม(hotel)เป็นที่พักแรมที่นิยมมากของนักท่องเที่ยวทั่วไป โรงแรมมาตรฐานสากลจะมีรูปแบบการดำเนินการบริการที่เป็นแบบแผน ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยในกลุ่มผู้ใช้บริการในพระราชบัญญัติโรงแรม ฉบับปี พ.ศ.2547ได้ระบุข้อความว่า
"โรงแรม" หมายความว่า สถานที่พักที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในทางธุรกิจเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวสำหรับคนเดินทาง หรือบุคคลอื่นใดโดยมีค่าตอบแทน ทั้งนี้ไม่รวมถึง• สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการที่พักชั่วคราวซึ่งดำเนินการโดยส่วนราชการ• สถานที่พักที่จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการที่พักอาศัยโดยคิดค่าบริการเป็นรายเดือนขึ้นไปเท่านั้น• สถานที่พักอื่นใดตามที่กำหนดในกฏกระทรวง1.1เกณฑ์การจำแนกประเภทโรงแรม




โรงแรมมีอยู่มากมายทั่วโลกสามารถจำแนกประเภทได้โดยใช้เกณฑ์ด้านต่างๆดังนี้
  • ด้านที่ตั้ง(location)
  • ด้านขนาด(size)• ด้านจุดประสงค์ของผู้มาพัก(purpose of visit)
  • ด้านราคา(price/rate)
  • ด้านระดับการบริการ(service level)
  • ด้านการจัดระดับมาตรฐานโดยใช้สัญลักษณ์(classification/grading)การใช้สัญลักษณ์สื่อถึงระดับมาตรฐานกิจการได้รับความนิยมทั่วไป เครื่องหมายสัญลักษณ์ที่กลายเป็นที่รู้จักในสากลคือ ดาว(1-5ดวง)
  • ด้านความเป็นเจ้าของและรูปแบบการบริหารแบ่งได้2กลุ่มใหญ่คือ


1). โรงแรมอิสระ(independent hotels)เป็นโรงแรมที่เจ้าของกิจการดำเนินการเอง ตามนโยบายและวิธีการที่กำหนดขึ้นเองอย่างอิสระ มีอำนาจในการบริหารโดยสมบูรณืทำให้คล่องตัวในการจัดการ


2). โรมแรมจัดการแบบกลุ่ม/เครือหรือเชน(chain hotels)หมายถึงโรงแรมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการแบบกลุ่มมักมีการใช้ชื่อประกอบการที่แสดงความเป็นสมาชิกในกลุ่มเดียวกันโดยมีสำนักงานส่วนกลางควบคุมด้านนโยบาย วางระบบการบริหารจัดการให้เป็นไปในทางเดียวกัน มีข้อตกลงตามสัญญาในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน


2. ที่พักนักท่องเที่ยว

  • บ้านพักเยาวชน

  • ที่พักพร้อมอาหารเช้าราคาประหยัด

  • ที่พักริมทางหลวง

  • ที่พักแบบจัดสรรเวลาพัก

  • เกสต์เฮ้าส์

  • อาคารชุดบริการที่พักระยะยาว

  • ที่พักกลางแจ้ง

  • โอมสเตย์
แผนกงานในโรงแรม


โรงแรมมีแบบแผนการดำเนินการที่เป็นรูปแบบเฉพาะแบ่งเป็นแผนกงานสำคัญได้ดังนี้

  • แผนกงานส่วนหน้า(front office)เป็นศุนย์กลางการติดต่อระหว่างโรงแรมและแขกผู้พักรับผิดชอบการรับจองห้องพัก การต้อนรับ ลงทะเบียน บริการข้อมูล ขนย้ายสัมภาระ และรับชำระค่าใช้จ่าย

  • แผนกงานแม่บ้าน(housekeeping)รับผิดชอบการจัดเตรียมห้องพักแขก การทำความสะอาดเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆการซักรีดการจัดดอกไม้ตกแต่งสถานที่

  • แผนกอาหารและเครื่องดื่ม(food&beverage)รับผิดชอบกระบวนการผลิต/ประกอบ/ปรุงอาหารและการบริการอาหาร-เครื่องดื่มในพื้นที่ต่างๆรวมถึงการจัดเลี้ยง

  • แผนกขายและการตลาด(sales&marketing)รับผิดชอบวางแผนตลาดและควบคุมการใช้กลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมเพื่อสร้ารายได้แก่ธุรกิจ

  • แผนกบัญชีและการเงิน(accounting)ดูแลจัดทำบัญชีและควบคุมการเงินของโรงแรม

  • แผนกทรัพยากรมนุษย์(human resources)ในบางกิจการขนาดเล็กจะเป็นแผนกบุคคลรูปแบบการจัดห้องพักมาตรฐานโรงแรมทั่วไป

    ประเภทห้องพัก
  • Single ห้องพักสำหรับนอนคนเดียว ในต่างประเทศจะเป็นห้องพักเตียงเดี่ยว
  • Twin ห้องพักเตียงคู่แฝด ประกอบเตี่ยงเดี่ยว 2 เตียงตั้งเป็นคู่วางแยกกัน
  • Doubleห้องพักเตียงคู่ที่เป็นเตียงเดียวขนาดใหญ่ สำหรับนอนได้2คนบางครั้งให้บริการแก่ผู้พักที่มาคนเดียวเพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
  • Suite ห้องชุดที่ภายในประกอบด้วยห้องตั้งแต่ 2ห้องขึ้นไปโดยกั้นเป็นสัดส่วนแบ่งเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่น ในโรงแรมมาตรฐานชั้นดีตามแบบสากลมักมีห้องชุดที่ตกแต่งสวยงาม บริการในอัตราราคาสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น