หน้าเว็บ

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บทที่ 2 ประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวจากยุคเริ่มต้นถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2













นักท่องเที่ยวชาวกรีก มีการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 2300 ปีมาแล้ว นักท่องเที่ยวชาวกรีกนิยมเดินทางไปยังสถานที่ที่เชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของเทพเจ้าที่ทำการบำบัดรักษาโรค เนื่องจากกรีกมีการปกครองแบบนครรัฐ เป็นอิสระต่อกันจึงไม่มีอำนาจปกครองส่วนกลางที่จะสั่งการสร้างถนน นักท่องเที่ยวส่วนมากจึง เดินทางทางเรือ
ชาวโรมันก็มีการเดินทางอย่างกว้างขวางตั้งแต่ 3000 ปีก่อนคริสตกาล ชาวดรมันนิยมเดินทางไปพักร้อนยังบ้านพักร้อนบนภูเขา ชาวโรมันมีอำนาจในการซื้อมากและเป็นนักล่าของที่ระลึกชาติแรก ๆ ของโลก :: วัฒนธรรมของจักวรรดิโรมันทำให้เกิดวัฒนธรรมการท่องเที่ยวแบบมหาชน (Mass tourism) ยุคนั้น กรีก โรมันนิยมเดินทางไปชมความสำเร็จทางศิลปวิทยาการชาวกรีก * อาณาจักรโรมันล่มสลายลงใน ค.ศ. 476 หรือในตอนกลางคริสตศตววษที่ 5 ทวีปยุโรปเข้าสู่ยุคกลาง (The Middle Age)หรือยุคมืด (Dark Age)


มัคคุเทศก์และคู่มื่อนักท่องเที่ยวยุคต้น ๆ
ที่เราทราบ มัคคุเทศก์ในสมัยนั้นมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่และเรื่องราวต่าง ๆ ไม่เท่าเทียมกันมีความแตกต่างกัน ทั้งในด้านคุณภาพของข้อมูล และมัคคุเทศก์สมัยก่อนคริสตกาล เราอาจจะแบ่งได้เป็น 2 พวก พวกแรก Periegetai มีหน้าที่คอยต้อนฝูงนักท่องเที่ยวให้เข้ากลุ่มส่วนอีกพวกหนึ่ง เรียกว่า Exegetai เป็นพวกที่ให้ข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินตราค่าตอบแทน
หนังสือคู่มือนำเที่ยว ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ 400 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งคลอบคลุมแห่งท่องเที่ยว กรุงเอเธนส์ สปาร์ตา และเมืองทรอย :: ชาวโรมันโบราณมีการเขียนหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว ซึ่งเรียกว่า Itineraria จะประกอบด้วยรายชื่อของที่พักพร้อมทั้งสัญลักษณ์ ที่บอกเกรดของที่พักเหล่านั้น
การท่องเที่ยวในยุคกลาง


ยุคกลางคือช่วงระหว่าง ค.ศ.500-1500 ช่วงที่ต่อจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน ยุคกลางเราเรียกว่า ยุคมืดช่วงเวลานี้ ถนนถูกปล่อยให้ทรุดโทรม เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ผู้คนเดินทางกันในระยะสั้น ๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านนัก :: คนชั้นสูงและคนชั้นกลางนิยมเดินทางไปเพื่อแสวงบุญ เป็นการเดินทางที่ไกลขึ้นสำหรับผู้ที่เคร่งศาสนา
ปัญหาที่นักเดินทางยุคกลางต้องเผชิญคือโจรผูู้ร้าย ที่ค่อยปล้นนักเดินทางในสมัยนั้น



ผลของการเดินทางเพื่อจารึกแสวงบุญมีอยู่ 3 ประเด็นด้วยกัน
>มีเป้าหมายในการเดินทางที่ชัดเจน .. (การแสวงบุญ)
>ผลของการเดินทางมีความสำคัญและมีความหมายด้านจิตใจ
>ผู้เดินทางต้องการให้คนอื่นเห็นความสำเร็จในการเดินทาง



การพัฒนาการคมนาคมทางถนนในคริสตวรรษที่ 17 ถึงศตวรรษที่ 19

คนที่ต้องการที่จะเดินทางมีวิธีที่ทำได้ 3 วิธี คือ เดินเท้า , การขี่ม้า สุดท้ายใช้เสลี่ยงโดยมีคนรับใช้เป็นผู้แบก ในศตวรรษที่ 18 มีระบบทางด่วนผู้โดยสารที่ต้องจ่ายค่าผ่านทางเกิดขึ้น

>แกรนด์ทัวร์ ( Grand Tour): การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ (การศึกษา)

>การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวประเภทอาบน้ำแร่ (Spa) : การอาบน้ำแร่เป็นที่รู้จักกันในยุคโรมันเชื่อกันว่าน้ำแร่มีคุณสมบัติทางยา ความนิยมการอาบน้ำแร่เพื่อการบำบัดเป็นที่นิยมใหม่ในประเทสอังกฤษ และเมืองใหญ่ ๆ บางแห่ง ต่อมา ช่วงสตวรรษที่ 18 และต้นศตวรรษที่ 19 เป็นที่นิยมในชนชั้นกษัตริย์ลงมาที่ ชนชั้นสูง ทำให้เมือง Bath กลายเป็นศูนย์กลางแฟชั่น ชั้งสูง Bath กลายเป็นเมืองหรู เปลี่ยนโฉมจากบ่อน้ำแร่เป็นเมืองพักตากอากาศ

>กำเนิดยุคสถานที่ตากอากาสชายทะเล : การอาบน้ำทะเลเพิ่งจะเริ่มเป็นที่นิยมในอังกฤษตั้งแต่สมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ การอาบน้ำทะเลในสมัยนั้น ผู้อาบน้ำทะเลจะอาบทั้งเสื้อผ้า .. ความนิยมในการรับการบำบัดด้วยน้ำทะเลซึ่งเป็นผลมาจากผู้คนมีความป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่เมื่อถึงต้นสตวรรษที่ 19 ความสะดวกในการเดินทางก็มีมากขึ้นทำให้การท่องเที่ยวมีมากขึ้นเนื่องจากเกิดการเดินทางด้วยเรือกลไฟ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง แต่เมื่อความนิยมมีมากขึ้นก็ทำให้มีบริการเรือสำราญอื่น ๆ

>ปัจจัยที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในศตรรษที่ 19 : มีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมการเดินทาง เราอาจจะเป็นปัจจัยเหล่านี้ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง และปัจจัยดึงดูดให้คนเดินทาง .. การเกิดชุมชนเมืองอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักรในศตวรรษที่ 19 เป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดการเดินทาง .. การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจของประเทศอังกฤษ ก็ก่อให้เกิดตลาดการเดินทางทางธุรกิจขนาดใหญ่ สรุปคือประเทสอังกฤษในตอนต้นศตวรรษที่ 19 อยู่ในช่วงที่เริ่มเกิดความต้องการทางด้านการเดินทาง ประกอบกับการเกิดระบบการขนส่งสมัยใหม่ทำให้ความต้องการที่จะเดินทางกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้


>ยุคของเครื่องจักรไอน้ำ , กำเนิดการเดินทางทางรถไฟ : การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีสองประการในต้นศตวรรษที่19ได้มีผลอย่างสำคัญต่อการขนส่งและการเดินทางโดยทั่วไป การพัฒนาทางเทคโนโลยีประการแรกคือ การสร้างพาหนะประเภทรถไฟ .. ทางรถไฟสายแรกถูกสร้างขึ้นในประเทศอังกฤษในปี ค.ศ.1825 นับได้ว่าเป็นการจุดประกายการเดินทาง
Thomas Cook ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบการที่เป็นผู้ริเริ่มที่มีความสำคัญที่สุดต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในระยะเริ่มแรก
Thomas Cook เป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว เขามีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับบรรดาโรงแรมรถไฟ และบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือต่าง ๆ ทั่วโลก .. การเดินทางรถไฟมีการขยายตัวมากขึ้นพร้อม ๆ กับความนิยมในการเดินทางกับรถม้าลดน้อยลง ยุคของการสร้างโรงแรมจึงเกิดขึ้น โดยมีเจ้าของบริษัทรถไฟเป็นผู้นำ ทำให้เกิดโรงแรมตามสถานีรถไฟ


>เรือกลไฟ : ขณะที่รถไฟทำให้เกิดการเดินทางภาคพื้นดิน เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ทำให้เกิดการพัฒนาเรือกลไฟเพื่อการเดินทางทางน้ำ การพัฒนาทางด้านการค้ากับทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทวีปอเมริกาเหนือทำให้ประเทสอังกฤษต้องพัฒนาการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ ที่เร็วขึ้นและเชื่อใจได้มากยิ่งขึ้น ( ประเทศอังกฤษเป็นประเทสแรกที่เปิดให้บริการเรือน้ำลึก )


>การท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 20 : ในช่วงนี้การท่องเที่ยวยังคงมีการขยายตัว เพราะความมั่งคั่งของผู้คน ความอยากรู้ อยากเห็น และทัศนคติที่กล้าแสดงออกมากขึ้น .. รูปแบบของการเดินทางเปลี่ยนไป ความนิยมในการเดินทางด้วยรถไฟลดลงเพราะผุ้คนนิยมเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น ..การกำเนิดอุตสาหกรรมการบินในระยะแรกเป็นสัญญานบ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของการบริการทางรถไฟและเรือกลไฟ การบินเพื่อการพาริชย์ได้เริ่มเป็นครั้งแรกในปี 1919 ในทวีปยุโรป .. การบินในระยะแรกมักเป็นการขนส่งจดหมายและไปรษณีย์ภัณฑ์มากกว่า การขนส่งผู้โดยสารจนกระทั่งหลังส่งครามโลกครั้งที่ 2 ที่เครื่องบินได้รับการพัฒนามากและดีพอที่จะทำการขนส่งผู้โดยสารเป็นพาณิชย์และเป็นการบินระหว่างประเทศ


>การท่องเที่ยวหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 : ความสนใจของผู้คนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ .. การเดินทางทางอากาศมีขยายตัวอย่ารวดเร็วหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้ค่าโดยสารจะค่อนข้างแพงก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการเดินทางด้วยวิธีการอื่นการเดินทางเครื่องบินก็นับว่ายังไม่แพง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น